วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565

วันพรุ่งนี้

 

18 กรกฎาคม 2565

 

วันพรุ่งนี้

 

ยากอบ 4:13-17 THSV11

13ฟังให้ดีนะ ท่านทั้งหลายที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักปีหนึ่ง และจะค้าขายแล้วได้กำไร” 14แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป 15แต่พวกท่านควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่ และจะทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น” 16แต่เวลานี้ท่านกลับอวดอ้างด้วยความทะนงของตนเอง การอวดอ้างทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความชั่ว 17เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป

 

 ซึ่งหากพูดถึงพระธรรมยากอบ เป็นพระธรรมที่มีอยู่ 5 บท สั้นๆ ผู้เขียนคือท่านยากอบ ซึ่งเป็นน้องชายของพระเยซู เป็นผู้นำคนหนึ่งในคริสตจักรเยรูซาเล็ม เขียนถึงคริสเตียนชาวยิวศตวรรษแรกที่กระจัดกระจายอยู่ในชุมชนชาวต่างชาตินอกดินแดนปาเลสไตน์และคริสเตียนทุกแห่ง ในพระธรรมนี้ ท่านยากอบได้พูดถึงความเชื่อ(คือเชื่อในพระเจ้า) และต้องดำเนินชีวิตตามสิ่งที่เชื่อนั้นด้วย โดยแสดงออกมาตามความพระพฤติของผู้เชื่อนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระธรรมยากอบเป็นพระธรรมหนึ่งที่เตือนสติในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ขอบคุณพระเจ้าที่มีโอกาสได้นำพระวจนะมาแบ่งปันในเช้าวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้อ่านพระธรรมยากอบ และได้สำรวจความประพฤติของตัวเองด้วยเช่นกัน และเนื้อหาที่จะนำมาแบ่งปัน มาจากข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ฟังคำเทศนา จึงขอนำส่วนหนึ่งของคำเทศนาที่ได้รับฟังมาแบ่งปันเพื่อเป็นข้อคิดร่วมกัน

ยากอบ 4:13-17 THSV11

13ฟังให้ดีนะ ท่านทั้งหลายที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักปีหนึ่ง และจะค้าขายแล้วได้กำไร” 14แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป 15แต่พวกท่านควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่ และจะทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น” 16แต่เวลานี้ท่านกลับอวดอ้างด้วยความทะนงของตนเอง การอวดอ้างทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความชั่ว 17เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป

ในพระธรรมยากอบ 4:13-17 นี้ ได้กล่าวถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จ พ่อค้าคนนี้มีการวางแผนทั้งแผนระยะสั้น คือจะทำในวันนี้ พรุ่งนี้ และแผนระยะกลางที่จะทำใน 1 ปีข้างหน้า คือจะอยู่ที่นั่นสักปีหนึ่ง พ่อค้าคนนี้มีความกล้าที่จะลงมือทำจริงๆ กล้าที่จะเผชิญความเสี่ยง กล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองเนื่องจากยอมที่จะอยู่ในเมืองอื่นๆ ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อค้าขาย ยอมปรับตัว ยอมเสี่ยง ไม่กลัวความล้มเหลว กล้าเผชิญความไม่แน่นอน เพื่อศึกษาตลาดการวางแผนอนาคต  และมีความมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ และมั่นใจในอนาคตนั้น จากคำกล่าวที่ว่า จะขายแล้วได้กำไร  ซึ่งการวางแผน มีความกล้าที่จะเผชิญการเปลี่ยนแปลง เผชิญความเสี่ยง เป็นสิ่งที่ดี และดูเหมือนว่าพ่อค้าท่านนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้คือพรุ่งนี้ (ในข้อ 14) เราสามารถวางแผนได้ พ่อค้าคนนี้มั่นใจตัวเองมาก แต่เขาไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไร อาจมีบางสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น ภัยธรรมชาติ หรืออื่นๆ มากมาย ซึ่งถึงแม้พ่อค้าคนนี้อาจมีประสบการณ์ในการค้าขายมากมาย เคยประสบความสำเร็จมาก่อน มีการสำรวจตลาดมาอย่างดี เค้าอาจมั่นใจว่าสินค้าของเขาเคยประสบผลสำเร็จในการค้าขายในเมืองหนึ่งและคาดว่าจะสำเร็จในเมืองใหม่ที่จะไปค้าขายเช่นเดียวกัน เค้ามั่นใจหลายอย่าง แต่สิ่งเดียวที่ไม่รู้คือวันพรุ่งนี้

ท่านยากอบได้บอกในข้อ 14 ว่า ชีวิตเป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่ชั่วครู่แล้วหายไป เราจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ก็เหมือนกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย อาจมีผู้รู้ในสาขาต่างๆ วิเคราะห์คาดการณ์ ทำนายไปในอนาคต แต่จะเป็นอย่างไรนั้นเราก็ไม่รู้ถึงวันพรุ่งนี้เลย ดังนั้นในพระธรรมนี้จึงได้ย้ำเตือนให้เราอย่าประมาท ซึ่งในสุภาษิต 27:1 กล่าวว่า อย่าคุยอวดถึงพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวันหนึ่งๆ จะนำอะไรมาให้บ้าง เราไม่สามารถโอ้อวดได้เลย

เราจะเห็นได้ว่าเค้าไม่มีพระเจ้าอยู่ในแผน ดังข้อ 15 ได้ย้ำเตือนว่า แต่พวกท่านควรจะพูดว่า ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่ และจะทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น วันพรุ่งนี้คือความโปรดปราณของพระเจ้า คือพระพร ถ้าพระเจ้าโปรดแล้วเรามีชีวิตอยู่เราจะได้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ให้เตือนใจตัวเองว่าหากพระเจ้าทรงโปรดเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ ท่านยากอบย้ำเตือนเราให้เรามีพระเจ้าในแผนชีวิต แผนงานของเรา ต้องเตือนใจเราว่าพระเจ้าควบคุมทุกสิ่ง พระเจ้ามีพระประสงค์ในชีวิตของเรา

            หากเราไม่มีพระเจ้าอยู่ในแผน  การที่เราไม่มีพระประสงค์ของพระเจ้าอยู่ในแผนชีวิต แผนงานของเรา ในวันหนึ่ง เราอาจถึงที่หมาย แต่ไม่ถึงเส้นชัย อาจทำให้เราคืบหน้าแต่ไม่ได้ก้าวหน้า เราอาจคืบหน้าในชีวิต แผนงานตนเอง แต่ไม่ได้คืบหน้าที่พระเจ้ามุ่งหมาย เราอาจไปถึงที่หมายที่หวังไว้แต่ไม่ใช่เส้นชัยที่พระเจ้ากำหนดในชีวิตของเราก็ได้

            เรามักทะนงตนเอง เรามักคิดว่าเราพึ่งพาตนเองได้ ในข้อ 16 16แต่เวลานี้ท่านกลับอวดอ้างด้วยความทะนงของตนเอง การอวดอ้างทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความชั่ว เขามองว่าพระเจ้าไม่จำเป็นเพราะทะนงตนเอง หากเราทำทุกอย่างได้โดยไม่มีพระเจ้า ท่านยากอบบอกว่าความหยิ่ง ความทะนงตนเป็นความชั่ว การไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง จะทำให้การมีตนเองเป็นศูนย์กลาง แล้วเราจะหาเหตุผลของเราอธิบาย ทำสิ่งต่างๆ มองประโยชน์แต่เฉพาะตนเอง ไม่เป็นไปตามพระทัยของพระเจ้า อาจทำให้เกิดความวุ่นวายเดือดร้อนขึ้น ดังที่ว่า เราอาจถึงที่หมาย (ของเรา) แต่ไม่ถึงเส้นชัยที่แท้จริง เราทำแล้วมีความคืบหน้า แต่ไม่ได้ก้าวหน้า

มีเรื่องเล่าของ J.R.D Tata อดีตประธานของทาทากรุ๊ป ชาวอินเดีย วันหนึ่งทาทาได้พบกับเพื่อนของเขา ซึ่งเพื่อนของเขาได้เล่าว่า เพื่อนของเขาใช้ปากการาคาถูกเนื่องจากขี้ลืม ชอบทำปากกาหาย ลืมปากกาบ่อย เวลามันหายจะไม่เสียดาย และกลุ้มใจกับนิสัยขี้ลืมของตนเอง อยากเปลี่ยนนิสัยแต่ไม่รู้จะทำยังไง ทาทาจึงแนะนำให้เพื่อนซื้อปากการาคาแพงเท่าที่กำลังของตัวเองจะซื้อได้ เพื่อนจึงไปซื้อปากกาทองคำ 22 กระรัต เอามาใช้ อีก 6 เดือนผ่านไปเค้าได้เจอเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปากกาก็ไม่หายอีกเลย ผมระมัดระวังที่ไม่ลืมปากกา และผมก็แปลกใจว่านิสัยขี้ลืมมันหายได้ ทาทาตอบเพื่อนว่า  คุณไม่ได้ผิดปกติหรอกในการขี้ลืม แต่มูลค่าของปากกาทำให้คุณปฏิบัติกับมันต่างออกไปแค่นั้นเอง ชีวิตเราปฏิบัติกับสิ่งต่างๆ ตามมูลค่าหรือคุณค่าที่เราให้ หากเราเห็นคุณค่าของร่างกายเราก็จะรับประทานอย่างระมัดระวัง และการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไป หากเราเห็นคุณค่าของเพื่อนเราจะระมัดระวังคำพูด และปฏิบัติต่อเค้าอย่างให้เกียรติ ถ้าเราเห็นคุณค่าของเงิน เราก็จะใช้อย่างประหยัด ระมัดระวังการใช้จ่าย ถ้าเราเห็นคุณค่าของชีวิตและเวลา เราจะระมัดระวังและไม่ปล่อยให้มันเสียไปเปล่าๆ วิธีใช้ชีวิตขึ้นกับคุณค่าที่เราประเมิน หากเราประเมินคุณค่าชีวิตเราต่ำเกินไป เราก็จะใช้มันเหมือนปากการาคาถูก ไม่สนใจในชีวิตปล่อยไปวันๆ  แต่ชีวิตเรามีคุณค่าเปรียบดั่งชีวิตของพระเยซู พระโลหิตของพระเยซู เราต้องใช้ชีวิตเราให้มีคุณค่าในสายตาของพระเจ้า เราต้องใส่ใจในชีวิตที่มีคุณค่า ขอให้เราใช้ชีวิตสมกับชีวิตของพระเยซูที่ยอมสละชีวิตยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้กับเรา บางทีเราอาจถูกมองจากสายตามนุษย์ว่าเราไม่มีคุณค่าจึงทำให้เรารู้สึกด้อยค่า ทำให้ไม่กล้าทำในสิ่งที่ดีๆ ทำให้เราพลาดสิ่งที่ควรทำ และอาจพลาดพระประสงค์ของพระเจ้า จึงอย่าประมาท และอย่าคิดว่าเราด้อยค่า

 

ขอบคุณพระเจ้า และขอขอบคุณคำเทศนาเรื่องของวันพรุ่งนี้ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 โดย ศาสนาจารย์ ทนนท์ ชาญโสภณ Nexus Christian Church ซึ่งข้าพเจ้าได้นำส่วนหนึ่งมาแบ่งปันกับพี่น้องในห้องนมัสการนี้

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น