24 มกราคม 2023
เอสเธอร์
ขอนำพระธรรมเอสเธอร์ เพื่อหนุนใจในการรับใช้
ให้เราเห็นถึงการที่พระเจ้าทรงเลือก และทรงเรียกเราแล้ว
พระเจ้าก็จะทรงนำและช่วยกู้เราในทุกๆ สถานการณ์ พระเจ้ามีแผนการที่ดีเสมอ
สรุป พระธรรมเอสเธอร์ บทที่ 1-2 จากหนังสือ 101 เรื่องโปรดจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
หน้า 110
เอสเธอร์เป็นเด็กกำพร้าชาวยิวที่อาศัยอยู่ในแผนดินเปอร์เซีย
บรรพบุรุษของเธออาศัยกับคนอื่นที่ประเทศอิสราเอล ก่อนที่จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
วันหนึ่งบรรดาผู้ปกครอง
ขุนนาง และนายทัพแห่งกองทัพแห่งเปอร์เซีย ได้มาที่สุสา เมืองป้อม
เพื่อเฉลิมฉลองกัน
พระราชาอาหสุเอรัสมีพระประสงค์ที่จะแสดงราชสมบัติอันรุ่งเรืองของพระองค์
ทั้งความโอ่อ่าตระการตาอันรุ่งโรจน์ของพระองค์เป็นเวลาหลายวัน
และในวันที่เจ็ดของการเฉลิมฉลองนั้น
พระองค์ได้จัดเลี้ยงอาหารและเหล้าองุ่นอย่างเต็มที่ และในช่วงนั้นพระราชินีวัชทีก็พระราชทานการเลี้ยงแก่สตรีในราชสำนักซึ่งเป็นของกษัตริย์อาหสุเอรัสด้วยเช่นกัน
และในวันสุดท้ายของการจัดงานเลี้ยงพระราชาก็ให้คนรับใช้ไปตามพระราชินีมาหาพระองค์
เนื่องจากพระทัยของพระราชารื่นเริงด้วยเหล้าองุ่น พระองค์จึงมีพระประสงค์ที่จะให้ประชาชนและเจ้านายของพระองค์ได้ชมพระสิริโฉมของพระนาง
แต่พระราชินีวัชทีมีความละอายที่จะไป
ดังนั้นพระนางจึงปฏิเสธที่จะไปตามคำเชิญของพระราชา
สิ่งนี้ทำให้พระราชาทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก
พระองค์ตรัสว่า “เราจะทำอย่างไรกับพระราชินีซึ่งไม่เชื่อฟังพระราชา
?”
ฝ่ายเมมูคาน
ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มีปัญญาและคอยให้คำปรึกษาแก่พระราชาทูลตอบว่า “พระราชินีวัชทีไม่ได้กระทำผิดต่อพระราชาเท่านั้น
แต่ต่อเจ้านายทั้งปวงและประชาชนทั้งปวงที่อยู่ในมณฑลทั้งสิ้นของกษัตริย์อาหสุเอรัส
และสตรีทั้งปวงก็เริ่มที่จะไม่เชื่อฟังสามีของนาง เพราะเขาได้ยินสิ่งที่พระนางทรงกระทำกับพระองค์
พระองค์ต้องขับไล่พระราชินีวัชทีออกไปให้พ้นจากพระองค์
และเลือกพระราชินีองค์ใหม่มาแทนนาง
พระราชาอาหสุเอรัสก็ได้กระทำตามคำแนะนำทันที
แต่เมื่อความพิโรธของพระองค์สงบลง
พระองค์ก็ทรงเริ่มคิดถึงพระราชินีวัชทีและสิ่งที่พระนางทรงกระทำ ดังนั้นราชการของพระราชาผู้ปรนนิบัติพระองค์อยู่กราบทูลว่า
“ขอทรงให้หาหญิงสาวพรหมจารีสาวสวยงามในอาณาเขตของพระองค์
และขอให้หญิงสาวที่พระราชาพอพระทัยได้เป็นพระราชินีแทนวัชที” คำแนะนำนี้เป็นที่พอพระทัยของพระราชาและพระองค์ก็ทรงเห็นด้วยตามนั้น
ยังมีชาวยิวคนหนึ่งชื่อว่าโมรเดคัย
ได้ยินแผนการณ์ของพระราชา แม้ว่าเอสเธอร์จะเป็นเพียงญาติของท่าน
แต่ท่านก็ได้เลี้ยงดูเธอเหมือนลูกสาวของท่านเอง
และโมรเดคัยต้องการให้เอสเธอร์ได้เข้าไปแข่งขันกับเขาด้วย
ในที่สุดหญิงสาวทุกคนก็ได้ถูกนำไปหาพระราชา
ทุกคนเข้าไปด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่งดงาม และแพรวพราวและเพชรนิลจินดา
แต่เอสเธอร์ไม่มีอะไรประดับและตกแต่งเลย การแต่งกายของเธอก็สุดแสนจะง่ายดาย
เพราะว่าเธอสวยกว่าคนอื่นอยู่แล้ว และเมื่อพระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นเอสเธอร์
พระองค์ทรงรักนางทันที และรักมากกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ
แล้วพระราชาก็ได้สวมมงกุฎบนศีรษะของนาง จากนั้นเอสเธอร์ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าธรรมดาก็ได้กลายเป็นพระราชินีเอสเธอร์
และได้รวมรวมจากคำเทศนาของ ศจ.ดร.ศึกษา
เทพอารีย์
พระธรรมเอสเธอร์ ไม่ได้ปรากฏชื่อผู้เขียน แต่เขียนไว้ประมาณ 470 ก่อน
คศ. เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเฝ้าดูแลของพระเจ้าที่มีต่อคนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปอาศัยอยู่ต่างแดน
พระนางเอสเธอร์ได้รับการสถาปนาเป็นพระราชินีของกษัตริย์อาหสุเอรัส
และทรงเป็นผู้ช่วยประชาชนของเธอให้รอดพ้นจากการวางแผนทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของฮามาน
เอสเธอร์เป็นเรื่องของสาวงามชาวยิวที่กษัตริย์อาหสุเอรัสเลือกมาเป็นพระราชินี
เมื่อฮามานวางแผนฆ่าคนยิวหมดแผ่นดิน
โมรเดคัยผู้เป็นลุงของเอสเธอร์พยายามยื่นมือออกช่วยชีวิตพี่น้องร่วมชาติไว้
พระราชินีเอสเธอร์เสี่ยงชีวิตเข้าไปวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระราชาจนสามารถช่วยพวกเขาไว้ได้
ชาวยิวทุกวันนี้ยังคงเฉลิมฉลองเป็นวันพ้นวิกฤติทุกปี ในเทศกาลปูริม
ซึ่งชาวยิวได้รับการปกป้องจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์
ชาวยิวกำหนดให้ถือวันนี้เป็นวันตรุษ มอบอาหารให้กันและกัน
และมอบของขวัญให้คนยากจนด้วย
แม้ว่าพระธรรมเอสเธอร์จะไม่เอ่ยถึงพระนามของพระเจ้าเลย โรม 1: 20 กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว
สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์
ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง
ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
แต่เราก็ได้เห็นถึงการปกป้องของพระเจ้าที่พระเจ้ารักษาอิสราเอลไว้ให้เป็นชนชาติที่สืบทอดพระคุณของพระองค์มาจนถึงเราในทุกวันนี้
1. การทรงเลือกของพระเจ้า (บทที่ 1-2) เอสเธอร์เป็นเชลยสาวสวยชาวยิวในประเทศเปอร์เซีย
ชาวยิวตกเป็นเชลยของบาบิโลน เรื่อยมาจนเปลี่ยนมหาอำนาจมาเป็นมีเดียเปอร์เซีย 70
ปี เอสเธอร์เป็นหลานสาวของโมรเดคัย
ลุงคนนี้เป็นผู้เลี้ยงดูเธอมาตลอด ในขณะกษัตริย์เซอร์ซิส พระราชาเปอร์เซียเสาะหาสาวงามเป็นพระราชินีแทนพระราชินีพระองค์ก่อน
ซึ่งถูกตั้งข้อหาขัดขืนไม่ทำตามโองการที่รับสั่งให้เข้าเฝ้า
เอสเธอร์ได้รับเลือกเข้าไปเป็นพระราชินีแทน เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
หากเราได้อ่านเรื่องของเอสเธอร์ จะเห็นได้จากการพยายามปกปิดเชื้อชาติและภูมิหลังของตนเอง
การทรงเลือกเป็นพระคุณพิเศษ เพราะไม่ได้ขึ้นกับความสามารถ หรือความเก่ง
แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมและทรงเลือกไว้ล่วงหน้าอย่างอัศจรรย์และไม่ผิดพลาด
เราเองอาจเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ แต่ต้องตระหนักว่า การทรงเลือกของพระเจ้านั้นไม่ผิดพลาดและเป็นพระคุณตามน้ำพระทัยและแผนการอันประเสริฐของพระเจ้า
เราควรตอบสนองเมื่อการทรงเรียกมาถึง
อย่าให้ความกลัวหรือความไม่กล้าหรือความไม่มั่นใจ
หรือแม้แต่สถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่สมเหตุสมผลทำให้เราช้าต่อการตอบสนองการทรงเลือกของพระเจ้าได้
เอเฟซัส 1: 4 ในพระเยซูคริสต์นั้น
พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก
เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์
2. การทรงเรียกของพระเจ้า การสังหารครั้งประวัติศาสตร์
ยิวที่เป็นเชลยในเปอร์เซียมีศัตรู คือฮามาน อัครมหาเสนาบดีของพระราชา เป็นคนอากัก
เป็นชื่อของกษัตริย์ชาวอามาเลข
ซึ่งคนอามาเลขนี้เป็นศัตรูพวกแรกที่โจมตีอิสราเอลเมื่อครั้งอพยพจากอียิปต์ (อพย.17:8-16)
โมรเดคัยเป็นยิวจึงไม่ยอมทำความเคารพคนอามาเลข
เพราะเป็นปรปักษ์มาแต่ครั้งโบราณ และฮามานเองก็วางแผนการลับ ๆ
เพื่อทำลายล้างชาวยิวโดยออกอุบายทูลเสนอพระราชาเซอร์ซีสให้เชื่อว่าพวกยิวเป็นศัตรูของชาติ
ให้พระราชากำหนดวันสังหารพวกยิวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย พระราชาทรงเห็นคล้อยตาม
และออกพระราชกฤษฎีกาตามข้อเสนอนั้น นี่คือ วิกฤติการล้างเผ่าพันธุ์
เมื่อกฎออกไปแล้วใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรื่องนี้พระนางเอสเธอร์ไม่ได้ล่วงรู้
แต่โมรเดคัยได้แจ้งให้เธอทราบ โมรเดคัยมองเห็นและเสนอว่า
ช่องทางหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้
คือการที่พระนางเอสเธอร์จะเสี่ยงเข้าไปกราบทูลพระราชา
ซึ่งกฎหมายในสำนักพระราชวังสมัยนั้น ถ้ากษัตริย์ไม่ทรงเรียกหญิงคนใดเข้าเฝ้า
ก็ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปในพระราชฐานชั้นใน ผู้เข้าไปอาจมีโทษถึงตาย นี่เป็นโอกาสของการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติของเธอ
เธอจะอยู่เฉยๆ หรือเสี่ยงลุกขึ้นมาแก้ปัญหา เธอต้องตัดสินใจ
ในที่สุดเธอก็ได้เข้าไปหาพระราชา และพระราชาทรงโปรดปรานเธอ
อันเป็นเหตุให้ชาวยิวพ้นวิกฤติการณ์
เมื่อเวลาของพระเจ้ามาถึง
พระเจ้าทรงเรียกคนของพระองค์ด้วยวิธีของพระองค์ อย่าลืมว่าความจริงแล้วพระเจ้าทำพระราชกิจของพระองค์ได้แม้ไม่มีเรา
แต่เป็นพระคุณและเกียรติที่ทรงมอบให้เรา
และจะน่าเสียดายเสียใจขนาดไหนที่เราไม่ได้ตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระองค์
และปล่อยให้โอกาสที่ประเสริฐนั้นผ่านไป บางทีเราอาจอ้างว่าไม่ได้ยินการทรงเรียกของพระเจ้า
เป็นไปได้ว่าชีวิตเรายุ่งกับภารกิจฝ่ายโลกและผลประโยชน์ของตนมากจนเกินไป หรืออาจมีเสียงรบกวนจากสังคมที่วุ่นวาย
จึงไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า บ่อยครั้งที่พระเจ้าใช้เสียงเรียกเบาๆ
เหมือนเสียงกระซิบในใจ ต้องเงียบและสงบ เราจึงจะได้ยินเสียงเรียกนั้น
เอสเธอร์ขออดอาหารและให้ชาวยิวในเมืองสุสาถืออดด้วย เมื่อถืออดแล้ว
เธอตัดสินใจเข้าพบพระราชาแม้จะขัดกับกฎหมาย
เธอแสดงความเด็ดเดี่ยวในการตอบสนองการทรงเรียกโดยพูดว่า “ แม้ข้าฯต้องพินาศ ข้าก็ยอมพินาศ”
บางครั้งเราได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้าแต่ไม่กล้าตอบสนองหรือหนีเหมือนโยนา
ทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในท้องปลาสามวันสามคืน เพื่อให้กลับใจตอบสนองการทรงเรียก
เราคงไม่อยากเป็นแบบโยนา
ดังนั้นอย่าให้เราพลาดจากน้ำพระทัยหลักและแผนการอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่ของพระองค์
คำถามหนึ่งที่จะช่วยได้คือให้ถามตัวเองว่า
ทำไมพระเจ้าจึงทรงนำเรามาถึงจุดที่เรายืนอยู่
พระเจ้าทรงมีวัตถุประสงค์อะไรในชีวิตของเรา
3. การทรงช่วยกู้ของพระเจ้า เมื่อโอกาสช่วยเหลือคนอื่นมาถึงเรา
เราจะตัดสินใจอย่างไร เราได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นๆบ้างหรือยัง เมื่อผู้อื่นต้องการความช่วยเหลือแม้ด้านใดๆ
ที่เรามีความพร้อมก็ตาม เรานิ่งเฉย หรือเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อเข้าไปช่วย
หากเราหรือเอสเธอร์เมินเฉยต่อพระคุณที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้
เราอาจจะพลาดจากน้ำพระทัยหลักของพระเจ้าได้
ในการตอบสนองต่อการทรงเลือกและการทรงเรียกนั้น เราจะต้องมีพัฒนาการชีวิตฝ่ายวิญญาณเสียก่อน
ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการเชื่อฟัง
รับการท้าทายตามพระสัญญาโดยอาจต้องเสียสละความสุขส่วนตน
ละทิ้งนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง เปลี่ยนทัศนคติ
หรืออาจต้องเรียนรู้ที่จะอดทนต่อสิ่งต่างๆที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจ
หรือสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่ได้เป็นดังที่หวังบางอย่าง
บางครั้งเราก็คิดว่า ให้เราพร้อมทุกอย่างก่อน เช่น มีเวลาก่อน เกษียณก่อน
มีเงิน มีทองก่อน พระเจ้าให้ทุกอย่างแก่เราก่อนซิ แล้วเราจะถวายตัว ถวายกายใจ หรือทรัพย์สิน
แต่เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจริงๆในส่วนทางโลก เราอาจลืมพระคุณพระเจ้าก็เป็นได้ จริงแล้ว
การถวายของเรานั้นถวายได้ทุกเวลา ทุกลมหายใจเพื่อตอบแทนพระคุณ
หากในเวลาวิกฤตของคนอื่น เรามีความพร้อมทุกด้านที่พระเจ้าประทานมาให้เราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ตำแหน่ง เราจะยอมเสี่ยงแบบเอสเธอร์ผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุยังน้อย แต่มีความเชื่อมากหรือไม่
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณบทความดีๆ ขอบคุณคำเทศนา ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรวบรวมเพื่อมาแบ่งปันในเช้าวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น