อัศจรรย์ความรักพระเจ้า
27 ธันวาคม
2022
1 ยอห์น 4:9-10 TH1971
9โดยข้อนี้ความรักของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่เราทั้งหลาย
คือพระเจ้าทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก
เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร 10ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้มิใช่ที่เรารักพระเจ้า
แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา
และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
มีการประดับด้วยแสงสีไฟและกล่องของขวัญ ตามสถานที่ต่างๆ
เป็นเทศกาลที่ครอบครัวได้ใช้เวลารับประทานอาหารร่วมกันและซื้อของขวัญมอบให้แก่กันและกัน
เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลที่มีผู้คนเปิดใจรับฟังเรื่องพระเยซูคริสต์
ทำให้ผู้คนมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐเรื่องพระคริสต์มาตายไถ่บาปบนไม้กางเขน เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งการให้ของขวัญเพราะพระเยซูคริสต์เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานให้กับโลกนี้เพื่อให้ผู้คนได้รับชีวิตนิรันดร์(ยน.3:16) ผู้ที่ได้รับของขวัญนี้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม
แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์
จอห์น นิวตัน(John Newton) ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งดำเนินชีวิตเป็นกัปตันเรือค้าทาส
แต่เมื่อท่านได้มารู้จักพระคุณของพระเจ้า ชีวิตของท่านได้เปลี่ยนไป ในปี ค.ศ.1764 ท่านได้รับใช้พระเจ้าในฐานะ ศิษยาภิบาลของคริสตจักรประจำชาติอังกฤษที่ได้รับการแต่งตั้ง
ท่านมีชื่อเสียงในฐานะผู้ประพันธ์บทเพลงนมัสการพระเจ้าที่เป็นอมตะหลายเพลง เพลงหนึ่งที่เราคุ้นเคยคือ
“พระคุณพระเจ้า” (Amazing Grace) หากปราศจากพระเจ้า จอห์น
นิวตัน ก็คงจบชีวิตลงแบบสิ้นหวังและอาจทิ้งชื่อของท่านไว้บนโลกนี้ในฐานะกัปตันเรือค้าทาสผู้ไร้เมตตาธรรม
แต่เพราะมีพระเจ้า แม้ท่านอาจมิได้มีเงินทองร่ำรวยมั่งคั่งเหมือนขณะที่ท่านค้าทาส
แต่ชื่อเสียงของท่านที่ทิ้งไว้บนโลกนี้หลังจากที่ท่านจากไปเมื่อปี 1807 นั้น
ได้บันทึกถึงเรื่องราวแห่งเกียรติและศักดิ์ศรีที่ได้รับเสียงสรรเสริญจากคริสเตียนและคนต่างๆ
ทั่วโลก
พระคุณของพระเจ้าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์สำหรับชีวิตของท่าน
ที่ท่านได้รับความรักของพระเยซูคริสต์ ชีวิตจึงเปลี่ยนไป
และท่านได้มอบความรักของพระองค์ออกไปสู่คนทั่วโลกผ่านบทเพลงและคำเทศนา
พระวจนะใน 1 ยอห์น 4:9 – 10 นี้กล่าวถึงความรักของพระเจ้าที่พระองค์ทรงสำแดงให้เราประจักษ์ชัดได้ผ่านการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์
เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และนำมาซึ่งการลบล้างความบาปผิดในชีวิตของเรา
ศาสนาเป็นวีธีการที่จะพาคนไปหาพระเจ้า
แต่พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่มาหามนุษย์ เราจะสัมผัสได้โดยการเปิดใจก่อน
ยอห์นได้เขียนในข้อ 9 ว่า “...เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำเนินชีวิตโดยพระบุตร”
คือดำเนินชีวิตโดยเรียนรู้จากพระองค์
พึ่งพากำลังที่มาจากพระเจ้าในการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างถูกต้อง
และเป็นคนใหม่ที่ชอบธรรมแล้วผ่านความเชื่อในการหลั่งโลหิตของพระเยซูเพื่อไถ่บาปเรา
เราสามารถเรียนรู้และเข้าใจความรักของพระคริสต์ได้ดังนี้
1.รักที่เสียสละ (ข้อ 9)
พระวจนะกล่าวว่า
“โดยข้อนี้ความรักของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่เราทั้งหลาย
คือพระเจ้าทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก
เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร” พระวจนะกล่าวถึงพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็น
“พระบุตรของพระเจ้า” แท้จริงพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า มีฤทธิ์อำนาจอยู่เหนือทุกสิ่ง
แต่กลับมิได้ทรงถือการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ ซึ่งได้กล่าวไว้ใน
ฟิลิปปี 2:6 - 7 พระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ในสภาพของเนื้อหนัง
เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เราในการดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้า รวมทั้งมอบชีวิตของพระองค์เองเป็นค่าไถ่บาปแก่เรา
เพื่อคนที่วางใจในพระองค์จะได้รับชีวิตใหม่
เปลี่ยนแปลงไปเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น
และฟื้นขึ้นจากความตายไปอยู่ร่วมกับพระองค์บนแผ่นดินสวรรค์ ดังที่พระวจนะในข้อ 9 นี้กล่าวว่า “...เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร”
ความรักของพระเยซูคริสต์จึงเป็นความรักที่เสียสละ
หากเราซาบซึ้งในความรักที่เสียสละของพระองค์
เราเองก็จะดำเนินชีวิตที่ยินดีเสียสละเพื่อเห็นแก่ผู้อื่น
นำคนกลับมาพบพระคุณความรักของพระเจ้า เหมือนที่พระคริสต์ได้นำคนมากมายกลับมาหาพระบิดา
2.รักที่ลบล้างความผิด (ข้อ 10)
พระวจนะกล่าวว่า “ความรักที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ มิใช่ที่เรารักพระเจ้า
แต่ที่พระองค์ทรงรักเรา
และทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา”
แท้จริงมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป
และเพราะบาปของเราทั้งหลายเป็นเหตุให้เราสมควรรับการลงโทษ
แต่เพราะความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา
พระองค์จึงทรงประทานพระคริสต์ในสภาพของเนื้อหนังมาเพื่อรับการปรับโทษบาปแทนเราบนไม้กางเขน
(รม.8:3) ความรักของพระเยซูคริสต์จึงเป็นการให้อภัยที่ปราศจากเงื่อนไข
โดยไม่ขึ้นอยู่กับความดีที่เราทำ แต่โดยพระคุณที่เราได้รับแม้เราไม่สมควรจะได้
คอร์รี่ เทน บูม (Corrie Ten Boom) นักศาสนศาสตร์และนักเขียนชาวเนเธอร์แลนด์เชื้อสายยิวเป็นผู้เขียนหนังสือ
The Hiding Place ซึ่งกล่าวว่า "การให้อภัยเป็นกุญแจสำคัญที่ไขประตูแห่งความแค้นและกุญแจมือของความเกลียดชัง
เป็นอำนาจที่จะหักโซ่ตรวนของความขมขื่นและห่วงโซ่ของความเห็นแก่ตัว
เธอเคยมีประสบการณ์แห่งการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ดังเช่นพระคริสต์ได้ให้อภัยความบาปของเธอ
เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่รอดตายจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว(Holocaust)พี่สาวของเธอต้องตายโดยการทำทารุณกรรมโดยทหารนาซีผู้หนึ่ง
และเธอจำคนนั้นได้อย่างไม่มีวันลืมเพราะความแค้น
จนวันหนึ่งเธอได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์
เธอได้ซาบซึ้งถึงความรักของพระองค์ที่มาตายไถ่บาปและให้อภัยความบาปของเธอ
เธอได้ถวายชีวิตเพื่อการรับใช้พระองค์โดยการเดินทางไปเทศนาประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก
จนวันหนึ่งเธอได้นำผู้คนรับเชื่อในพระเยซูคริสต์
และมีชายคนหนึ่งออกมารับเชื่อพระเยซูคริสต์
ผู้ชายคนนั้นคือทหารนาซีคนนั้นที่ทำให้พี่สาวของเธอต้องตาย
แต่เธอได้ตัดสินใจให้อภัยชายผู้นั้นเพราะเธอได้ประจักษ์ถึงความรักของพระคริสต์
เพราะความรักลบล้างความผิดมากมายได้ จาก 1 เปรโต 4:8
การให้อภัยเป็นกุญแจสำคัญที่ไขประตูแห่งความแค้นและกุญแจมือของความเกลียดชังในชีวิตของเธอ...
ยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก
จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ของขวัญที่ดีเลิศ คือ พระเจ้าทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ซึ่งมีเงื่อนไขเดียวที่จำเป็น
คือ การที่เราเชื่อและวางใจในพระองค์ จะได้รับรางวัลแห่งการเชื่อวางใจนั้น คือ
เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์
เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นเทศกาลแห่งการให้
ที่เป็นความสุขของผู้ให้ ทำให้เกิดรอยยิ้มของผู้รับ
เพราะพระเยซูคริสต์สอนเราทั้งหลายใน กิจการ 20:35 ว่า "...การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
ความรักลบล้างความผิดบาปได้
เมื่อเรากลับมาเชื่อวางใจและรับการอภัยจากพระเจ้าผ่านความเชื่อในพระเยซูคริสต์
พระองค์ก็จะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น และกลับมามีความสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกับพระองค์ทุกในทุกๆ
วัน คริสต์มาสจึงเป็นวันของเราทุกคน เพราะความรักของพระเจ้า และความบาปของเราทุกคนเป็นเหตุให้พระเยซูเสด็จมาในโลกนี้
ในวันนี้จึงอยากเชิญชวนให้เราได้ขอบพระคุณสำหรับความรักของพระเจ้า
ซึ่งเป็นความรักอันอัศจรรย์นี้
รวบรวมจาก http://pattamarot.blogspot.com/2012/12/blog-post.html
ประจักษ์รักอัศจรรย์วันคริสต์มาส 18 ธันวาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น