โยบ
15 กุมภาพันธ์ 2564
พระธรรมโยบ มีอยู่ด้วยกัน 42 บท ขอนำมาแบ่งปันโดยย่อเป็นใจความสำคัญดังนี้
มีชายคนหนึ่งในแผ่นดินอูส
ชื่อโยบ โยบเป็นคนดีพร้อมและเที่ยงธรรม ท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า และเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้า
และไม่ทำสิ่งชั่วร้าย มีบุตรชาย 7 คน หญิง 3 คน ส่วนสัตว์เลี้ยงของท่าน
มีแกะเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวห้าร้อยคู่ และลาตัวเมียห้าร้อยตัว
และท่านมีคนใช้มากมาย เป็นผู้ที่ร่ำรวย และมั่งคั่งที่สุดในบรรดาชาวตะวันออกในเวลานั้น
เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระเจ้า
ซาตานก็มาในหมู่พวกเขาด้วย เมื่อซาตานรู้ว่าโยบเป็นคนชอบธรรม ซาตานกล่าวกับพระเจ้าว่าโยบเป็นคนชอบธรรมเพราะพระเจ้าประทานพรให้ท่านมากมาย
ซาตานกล่าวว่าโยบจะไม่เป็นคนชอบธรรมหากนำเอาพรของท่านออกไป ซาตานจึงขออนุญาตทดสอบโยบ
ในที่สุดพระเจ้าทรงอนุญาตให้ทดสอบโยบได้ แต่มีข้อแม้ว่า ซาตานจะแตะต้องได้เฉพาะแต่ที่เป็นทรัพย์สิน
หรือสิ่งที่อยู่ในอำนาจครอบครองของโยบเท่านั้น แต่ห้ามแตะต้องชีวิตของโยบ จากนั้นซาตานก็เริ่มทดสอบโยบโดยให้เกิดภัยพิบัติหลายอย่าง
เริ่มจากให้ชาวเสบาไปขโมยวัวและลาของโยบ ส่งไฟลงมาจากฟ้าไหม้แกะตายหมด
ให้ชาวเคลเดียมาขโมยอูฐ พวกคนรับใช้ที่คอยดูแลฝูงสัตว์ก็ถูกฆ่าตาย และให้มีพายุใหญ่พัดเรือนบุตรของโยบพังทับบุตรชายหญิงของโยบจนตาย
โยบเสียใจมาก แต่โยบก็ไม่ได้ทำบาป หรือกล่าวโทษพระเจ้าเลย โยบกลับลุกขึ้น
ฉีกเสื้อคลุมของตน โกนศีรษะ กราบลงถึงดินนมัสการพระเจ้า และกล่าวว่า
ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า ข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า
พระเจ้าประทาน และพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า ซึงโยบก็มิได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้าเลย
แล้วอยู่มาในวันหนึ่งซาตานก็เข้ามารายงานตัวต่อพระเจ้า
พร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์เหมือนอย่างเคย พระเจ้าได้ตรัสกับซาตานว่า
ถึงแม้เจ้าชวนเราให้ต่อสู้เขาเพื่อทำลายเขาโดยไม่มีเหตุอันใด
เขาก็ยังยึดมั่นในคำสัตย์ซื่อของเขาอยู่ แต่ซาตานก็ขออนุญาตพระเจ้าทดสอบโยบอีก โดยขอแตะต้องตัวเขา
พระเจ้าทรงอนุญาตแต่ห้ามทำให้โยบถึงแก่ความตาย ซาตานจึงให้โยบเป็นฝีร้ายตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ
โยบเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน และพยายามที่จะบรรเทาอาการเจ็บและคัน โดยเอาชิ้นหม้อแตกมาขูดแผลตัวเอง
และนั่งอยู่ในกองขี้เถ้า
เมื่อภรรยาเห็นแบบนั้น
ก็บอกให้โยบแช่งด่าพระเจ้า แล้วให้ไปตาย แต่โยบก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย
สหายสามคนของโยบได้ยินถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจึงเดินทางมาหาคือ เอลีฟัส
ชาวเทมาน บิลดัด ชาวชูอาห์ และโศฟาร์ ชาวนาอาเมห์
เขามาพบโยบถึงกับตกใจร้องไห้ไปกับโยบ แต่สุดท้ายก็ตัดสินโยบว่าโยบทำบาป
พระเจ้าจึงลงโทษ โยบเริ่มบ่นต่อพระเจ้าว่าทำไมให้คนอื่นวิพากวิจารณ์เขาเช่นนั้น
ทำไมพระเจ้าไม่ให้ผู้อื่นเห็นถึงความบริสุทธิของเขา
จากนั้นมีชายหนุ่มชื่อเอลีฮูที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
ก็เริ่มพูดขึ้นมา (ในบทที่ 32-37) โดยต่อว่าเพื่อนทั้งสามของโยบ และกล่าวว่าแม้โยบจะเป็นคนดี
แต่ก็มีความหยิ่ง มองเห็นว่าตนเป็นผู้ชอบธรรม และให้โยบนิ่ง
พิจารณาความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระผู้สร้าง พระองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
พระเจ้าแห่งความยุติธรรม และความชอบธรรม
แล้วพระเจ้าก็ตรัสตอบโยบออกมาจากพายุ
โดยเป็นการถามคำถามมากมายที่มนุษย์ก็ไม่อาจตอบได้ (ในบทที่ 38 - 41) เมื่อโยบเผชิญหน้ากับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
เขาก็ถ่อมตัวลงด้วยความยำเกรง
สุดท้ายพระเจ้าทรงให้โยบกลับสู่สภาพดี
และพระเจ้าประทานให้โยบมีมากเป็นสองเท่าของที่มีอยู่
โยบ 42 : 12-16
และพระเจ้าทรงอำนวยพระพรชีวิตบั้นปลายของโยบมาก
ยิ่งกว่าบั้นต้นของท่าน และท่านมีแกะหนึ่งหมื่นสี่พัน อูฐหกพัน วัวผู้พันคู่
และลาตัวเมียหนึ่งพัน ท่านมีบุตรชายเจ็ดคน และบุตรหญิงสามคนด้วย
และท่านเรียกชื่อคนแรกว่า เยมีมาห์ และชื่อ คนที่สองเคสิยาห์
และชื่อคนที่สามเคเรนหัปปุค และในแผ่นดินนั้นทั้งสิ้นไม่มีหญิงใดงดงามเท่า
บรรดาบุตรสาวของโยบ และบิดาของเขาได้ให้มรดกแก่เธอพร้อมกับพวก
พี่ชายและน้องชายของเธอ ต่อจากนี้ไป โยบมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งร้อยสี่สิบปี
และได้เห็นบุตรชายของท่าน หลานเหลนของท่านสี่ชั่วอายุ
และโยบก็สิ้นชีวิตเป็นคนแก่หง่อมทีเดียว
ข้อคิด
1. สำหรับตัวเราเองที่ได้รับความทุกข์ยาก เราไม่ควรให้เสียงคนรอบข้างมารบกวนเรา ไม่ว่าคนรอบข้างจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร เราต้องนิ่ง แล้วเราจะได้ยินเสียงพระเจ้า ไม่ต้องโต้ตอบ เวลาเท่านั้นเป็นผู้พิสูจน์ อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวเปรียบเทียบว่า เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ หากเขาไม่อยู่นิ่งๆ เราก็จะช่วยเหลือเขาไม่ได้ หรือลำบากมาก คนที่กำลังจะจมน้ำอยู่นิ่งแล้ว เราจึงจะช่วยเหลือเขาได้ เปรียบเทียบกับเราเมื่อพบเจอความทุกข์ยาก เราต้องนิ่ง
2. หากผู้อื่นมีเรื่องเดือดร้อน มีความทุกข์ มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เราก็ไม่ควรตัดสินกล่าวหา ควรเห็นใจ แบ่งเบาความทุกข์นั้น เราไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบว่า เป็นเพราะเหตุใด ทำไมจึงเกิดสิ่งนี้กับพวกเขาหรือตัวเรา บางทีคำตอบก็อาจไม่มีเลย เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน ไม่ควรวิพากวิจารณ์จากความรู้สึกของเราเอง เหมือนในพระธรรมโยบ ซึ่งในขณะที่เกิดเหตุการณ์นั้นไม่มีใครรู้เลย หรือแม้กระทั่งโยบเอง ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากซาตานต้องการทดสอบโยบ
ให้นำเรื่องทุกข์ร้อนมาบ่นกับพระองค์
พระเจ้าต้องการให้เราเข้าหาพระองค์ด้วยใจถ่อม ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะไม่เข้าใจเรา
แต่พระองค์เข้าใจและอยู่ด้วยกับเราเสมอ
สดุดี 46:1 , 10
พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของข้าพระองค์ทั้งหลาย
เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก
จงนิ่งเสีย
และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางประชาชาติ
เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น