ทางแห่งปัญญา
สุภาษิต 4:8 TH1971
จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้า ถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้
ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า
สรุปส่วนหนึ่งจาก
web มูลนิธิส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
(สคส)
หากเราพูดกันถึงปัญญา
เราคงจะคิดไปถึงการมีความรู้มาก การได้ร่ำเรียนมาสูงๆ
การได้เรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง บางทีเราก็มักจะน้อยเนื้อต่ำใจหากเราอยู่ในแวดวง
สถานที่ที่มีผู้ที่มีความรู้สูง ๆ เราก็อาจจะรู้สึกว่าเราด้อยคุณค่า
แล้วปัญญา
คืออะไร เราจะพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากพูดกันในวงการการศึกษาเราจะได้ยินคำอธิบายของคำว่าปัญญา
ในความหมายที่ไม่ค่อยจะแตกต่างไปจากคำว่าความรู้เท่าใดนัก มีที่ละเอียดขึ้นหน่อย
ก็อธิบายในทำนองที่ว่า ปัญญา คือ ความสามารถในการใช้ความรู้
บางตำราก็บอกว่า
ปัญญา ต้องพัฒนามาจากสติ ดังที่เรามักจะได้ยินคำสองคำนี้อยู่คู่กันเสมอว่า
สติปัญญา ปัญญากับความรู้นั้นถ้าดูให้ดีแล้วจะพบว่าไม่ใช่สิ่งเดียวกันเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ความรู้
คือ การมีข้อเท็จจริง หรือ ผลที่ได้จากการเรียนรู้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกิดความเข้าใจในสิ่งนั้น
ปัญญาหรือสติปัญญา คือ การประยุกต์ข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้
เรามักจะเห็นเป็นตัวอย่างอยู่เสมอ
โดยเฉพาะตามพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์
ที่แสดงให้เห็นว่าคนที่มีความรู้สูงนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาเสมอไป
ความรู้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสมอง
ในขณะที่ปัญญานั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ
คนที่มากด้วยความรู้แต่จิตใจไม่ดีจึงไม่ใช่ผู้ที่มีปัญญา
ผู้ที่มีความรู้สูงไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาเสมอไป
ความรู้นั้นเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มพูนได้จากการอ่านตำรา
ส่วนการที่ปัญญาจะเกิดได้นั้น จะต้องมาจากความสามารถในการอ่านจิตใจ อ่านอารมณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องตามทันความรู้สึกของตนเอง ความรู้จากการเรียนรู้
การศึกษา จะเกิดการ คิดเป็น ทำเป็น หากพัฒนาตนเองขึ้นไปอีกระดับทำให้เกิดปัญญาแล้ว
คือ คิดถูก ทำถูก
ยากอบ 3 : 13-18
ปัญญาจากเบื้องบน
13ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี
มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา 14แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่นเพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง 15ปัญญาเช่นนี้
ไม่เหมือนปัญญาที่มาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย
และเป็นเช่นปีศาจ 16เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง
ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่าง ๆ 17แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก
แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง
ไม่หน้าซื่อใจคด 18ผู้สร้างสันติสุข
หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม
หากสรุปโดยรวมในพระธรรมนี้ สาเหตุของความชั่วคือความอิจฉาและการใช้ปัญญาในทางที่ผิด
ปัญญาฝ่ายโลกคือการดำเนินชีวิตโดยไม่พึ่งพาพระเจ้า
ส่วนผู้ที่มีปัญญาโดยพึ่งพาพระเจ้าจะแสดงออกโดยความประพฤติ มีความถ่อมใจ ใช้ความรู้หว่านสันติ
จึงได้เก็บเกี่ยวความชอบธรรม
เราสามารถเรียนรู้ หาความรู้ได้ในเรื่องปัญญาของโลกนี้
เช่น เทคนิคการขาย การเป็นผู้นำ เทคนิคการพูด ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าความรู้หาได้ไม่ยากเลย
ค้นหาอ่านได้ฟรี ๆ ทางอินเทอร์เน็ต เขียนจากอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่าง ๆ ปัญญาเหล่านี้อาจไม่ได้แก้ปัญหาถึงรากลึก
ถึงจิตใจ เช่นเดียวกับการที่เราอ่าน เราศึกษาพระคัมภีร์ หากเราท่องจำโดยไม่ให้พระคำของพระเจ้าเข้ามาตกในจิตใจ
แต่เราอ่านเพียงแค่เป็นความรู้ หรือนำมาโอ้อวดว่าเรารู้มาก ท่องได้ จำได้
แต่ไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีปัญญา เราต้องก้าวไปมากกว่าปัญญาฝ่ายโลก
คือปัญญาจากพระเจ้า
ปัญญาฝ่ายเนื้อหนัง
หรือปัญญาฝ่ายโลกคือ การที่เราไม่ยอมให้พระเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา
หรือมาควบคุมชีวิตเรา ในข้อ 15 และ 16 ก็ได้กล่าวว่า” …ปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย
และเป็นเช่นปีศาจ 16เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง
ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่าง ๆ” ในโลกทุกวันนี้เราจะเห็นว่าการแก้ปัญญารุนแรงขึ้นทุกวัน
เช่น การโกรธการเคียดแค้น สะสมไว้ในจิตใจทุกวัน ไม่ให้พระเจ้าช่วยปลดปล่อยออกไป
ไม่ให้อภัย เก็บความขมขื่น เก็บรากของปัญหาไว้จนกระทั่งไม่สามารถที่จะเอาชนะมันได้
สักวันก็จะระเบิดออกมา แบบขาดสติปัญญา ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ล้มเหลว
แต่อยู่ที่ว่าเราจะเอาชนะมันได้อย่างไร เราจำเป็นต้องขอและพึ่งพาพระเจ้าช่วยในความจำกัดของเรา
พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตแบบคนมีปัญญา ใน เอเฟซัส 5:15 “เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา
แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา” เราอาจเรียนรู้มากมายจนได้ปัญญาฝ่ายโลก
เราอย่าลืมที่จะแสวงหาปัญญาจากพระเจ้า ความล้ำลึกในปัญญาจากพระเจ้าที่พระเจ้าจะเปิดเผยให้เราจากพระคัมภีร์
พระเจ้าไม่ต้องการให้เราคิดที่จะหนีปัญหา ให้เราสู้กับปัญหาที่พบเจอ
แก้ปัญหาโดยใช้สติปัญญาที่มาจากเบื้องบน
เราอาจได้รับข้อมูลมากมายจากคนที่มีความฉลาด
มีความรู้มาก เราต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ยอมให้พระเจ้ามีหุ้นส่วนในชีวิตของเรา ยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนเรามากขึ้น ให้เรารับมือกับปัญหาที่เราเจอด้วยสติปัญญา
ให้ความข่มขื่น ความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในจิตใจเราน้อยลง ให้ความรักเข้ามาแทนที่
ชีวิตจะมีสันติสุขมากขึ้น สดุดี 111:10 “ความยำเกรงของพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี
การสรรเสริญพระเจ้า ดำรงอยู่เป็นนิตย์” คนที่ยำเกรงพระเจ้าจะไม่พึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
แต่จะพึ่งพาปัญญาจากพระเจ้า
ในข้อ 17 “แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก
แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง
ไม่หน้าซื่อใจคด” เราต้องไม่เพียงแต่รับพระคุณจากพระเจ้าเท่านนั้น
แต่เราต้องดำเนินชีวิตกับพระองค์ เริ่มต้นโดยเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มจากชีวิตตนเอง
แล้วจะมีผลต่อผู้อื่น สุภาษิต 8:11 “เพราะปัญญาดีกว่าทับทิม และสิ่งที่เจ้าปรารถนาทั้งหมดจะเปรียบเทียบกับปัญญาไม่ได้”
สุภาษิต 3:5-7
5จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
6จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า
และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น
7อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย
**ขอขอบคุณบทความดีๆ ที่ได้รวบรวมนำมาแบ่งปัน ขอบคุณพระวจนะจากพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าค่ะ
บทเพลง พระเจ้าประทานความรู้เข้าใจ
พระเจ้าประทาน ความรู้เข้าใจ สิ่งใหม่ไม่มีมาก่อน
เราพบพลังโลกาถาวร เป็นพรพลังของเรา
พระเจ้าประทานสิ่งอันยิ่งใหญ่ จำเริญในวิชาการ
จงใช้ประโยชน์ให้ยั่งยืนนานวิญญาณเพิ่มพูนปัญญา
ขอความยำเกรง พระเยโฮวาห์ บ่อเกิดปัญญามวลชน
ทำลายความกลัว ความเกลียดกังวล ฟอกล้างดวงกมลพลัน
เพื่อคุณความดี ศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ มีความรู้ใช้ถูกทาง
หากใช้สนองอำนาจนอกทาง จะล้างผลาญทำลายตน อาเมน