22
พฤศจิกายน 2023
ทำอย่างไรเมื่อไปต่อไม่ได้
ท่านเคยอยู่ในสภาพที่ไปต่อไม่ได้
รู้สึกเหมือนมันถึงทางตัน ดูแล้วเหมือนเป็นจุดจบของชีวิตแน่ๆ
ไม่มีทางไหนให้ไปต่อได้ บ้างหรือไม่ ?
ชีวิตข้าพเจ้าก็มีหลายครั้งที่ถึงจุดที่รู้สึกว่าจนปัญญา
ตันไปหมด ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร แต่ก็ขอบคุณพระเจ้า ที่สถานการณ์ต่างๆ
เป็นสิ่งที่ผลักดันตัวเองให้รู้ว่าไม่มีสิ่งใดยากสำหรับพระเจ้า
ไม่มีสิ่งใดที่เกินกว่าพระเจ้าจะจัดการได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กมากๆ
แต่พระเจ้าก็ยังไม่เคยให้สิ่งนั้นละไปจากสายตาพระเจ้า เพียงแต่ขอให้เราวางใจ
และอย่าลืมขอบพระคุณพระเจ้า
ใน ปฐมกาล บทที่ 37-50 เป็นเรื่องของโยเซฟบุตรชายยาโคบ
ซึ่งโยเซฟเป็นลูกคนโปรดของพ่อในบรรดาลูกชาย
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกพี่ชายอิจฉาเขา
วันหนึ่งโยเซฟเล่าความฝันให้กับพวกพี่ชายฟัง ในฝันนั้นเป็นที่เข้าใจว่าพวกพี่ชายก้มหัวลงเคารพเขา
การพูดเช่นนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีตามมาเลย สิ่งที่ตามมาก็คือ
พวกพี่ชายคิดหาวิธีที่จะกำจัดโยเซฟออกไป โดยตอนแรก พวกเขาเอาโยเซฟลงไปในบ่อลึกที่ไม่มีน้ำในนั้น
เพื่อปล่อยให้เขาตายที่นั่น แต่ต่อมาพวกเขาตัดสินใจขายโยเซฟไปเป็นทาสให้กับคาราวานพ่อค้าพวกอิชมาเอลที่เดินทางผ่านมา
และจะเดินทางไปอียิปต์ เป็นเงิน 20 เชเขล แล้วพวกเขาก็วางแผนหลอกพ่อว่า โยเซฟตายแล้ว
แต่สุดท้ายของเรื่องราว โยเซฟกลายเป็นผู้มีอำนาจรองจากฟาโรห์
และโยเซฟกับครอบครัวก็ได้พบกันอีกครั้งและกลับคืนดีกัน และทุกคนได้รับการยกโทษ
เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแต่ได้รับการบันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาลตั้งแต่บทที่
37-50 ซึ่งเป็นการบันทึกถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในสมัยของโยเซฟและ
อียิปต์โบราณอย่างและเอียด
คือตั้งแต่การถือกำเนิดของโยเซฟ การเผชิญโลกที่กว้างใหญ่ โยเซฟ ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แก้แค้น
ใครเลย ถึงแม้เขาจะถูกกระทำให้เจ็บปวด เมื่อมีความบาปมาล่อลวง โยเซฟจะต่อสู้กับความบาปด้วยการหนี
ชีวิตของโยเซฟจึงไม่ได้เป็นเพียงนิยายโบราณที่เล่าสืบต่อกันมาเรื่อยๆ
เท่านั้น
แต่ชีวิตของโยเซฟเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและพระเจ้ากำลังสำแดงให้ผู้คนทั่วโลกเห็นถึงพระราชกิจของพระองค์ต่อผู้ที่สัตย์ซื่อและเชื่อฟังพระองค์จะได้รับการอวยพรเสมอแม้อยู่ท่ามกลาง
ความน่ากลัวของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบาป
บทเรียนจากชีวิตของโยเซฟเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องตระหนักเสมอว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมอยู่เหนือทุกสิ่งแต่เพียงผู้เดียว”
ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับโยเซฟนั้นได้ทำให้เราเห็นและยืนยันได้ว่า
ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไรในชีวิตก็ตาม มันมีความหวังอยู่เสมอ
เพราะหากเรายอมเชื่อฟังและเดินตามพระประสงค์ของพระเจ้า หากเราได้ศึกษาพระธรรม ปฐมกาล
บทที่ 37-50 นี้ ชีวิตของโยเซฟไม่ได้ง่ายเลย ทั้งถูกกลั่นแกล้ง ทุกข์ทรมาณ
แต่เพราะความมุ่งมั่น อุตสาหะ เพราะความเชื่อในพระเจ้าของโยเซฟ
และเขาไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ
การยอมแพ้ไม่ใช่ทางออก
ในชีวิตของเรา
เราอาจตกอยู่ในบ่อลึกช่วงขณะหนึ่ง อาจเป็นบ่อลึกแห่งความเจ็บป่วย บ่อลึกของการขาดแคลนเงินเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว หรือคนรอบข้าง หรือปัญหาใดๆ ก็ตาม
ไม่ว่าเมื่อใดที่สิ่งนั้นเกิดขึ้น เราต้องมั่นใจว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
เราจะไม่ยอมแพ้ หมดหวัง เราต้องจำไว้เสมอว่า
เพื่อจะมีคำพยานที่ดีถึงสิ่งที่พระเจ้าได้ทำผ่านชีวิตเรา
เป็นโอกาสให้เราได้ประกาศถึงความรักและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ยอห์น 16:33
กล่าวว่า “เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน
เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด
เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว”
เราคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความทุกข์ยากต่างๆ
ได้ หลายครั้งเราอาจรู้สึกอยากยอมแพ้ แต่หากเรายึดมั่นและวางใจในพระเจ้า
พระองค์จะรื้อฟื้น สิ่งที่เลวร้ายจะกลายเป็นดี มีพระพรที่ซ่อนอยู่ในอุปสรรคต่างๆ
เสมอ โรม 8:28 กล่าวว่า
เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
การยอมแพ้เป็นเรื่องที่ง่าย
ทำให้ผู้คนเลือกที่จะไม่ไปต่อเมื่อพวกเขาไปต่อไม่ได้
เราอาจยอมแพ้เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ฉลาด ขาดความสามารถ
อาจเคยมีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา หรือเคยผิดพลาดในอดีต ทำให้ล้มเหลวในบางเรื่อง
จึงกลัวสภาวะแบบนั้นจะกลับคืนมาอีก แต่พระเจ้าให้กำลังและความสามารถแก่เราในการเดินหน้าต่อไปจนถึงชัยชนะ
แม้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ก็ตาม
ความล้มเหลวไม่ได้ทำให้ทางเลือกอื่นๆ หมดไป เราสามารถเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต การทำแบบไหนในอดีตที่มันไม่ได้ผล
เราก็หลีกเลี่ยงไป เราสามารถเปลี่ยนอุปสรรค หรือวิกฤตให้เป็นโอกาสต่างๆได้
พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราล้มเหลว พระเจ้าต้องการให้เรามีชีวิตที่ดี
แต่เราต้องมีความวางใจและความมุ่งมั่น
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราไปทีละหนึ่งก้าวแห่งความเชื่อเพื่อเข้าในแผนการที่ดีที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เราแต่ละคน
เราก็ทำส่วนของเราคือต้องก้าวต่อไปและอย่ายอมแพ้
ถ้าไปต่อมันก็เจ็บ
จะทำอย่างไรดี
เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า
ช่วงเวลาที่เราอยู่ในบ่อนั้น พระเจ้ามีแผนการอะไรให้กับเรา
อาจเป็นเวลาแห่งการทดสอบ เป็นเวลาที่อุปนิสัยของเราต้องได้รับการพัฒนา
อาจเป็นปีที่เงียบสงบ เหมือนไม่มีคำตอบใดๆ เหมือนไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
หรือเกิดความเจ็บปวดแล้วดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนั้นเลย
แต่จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราไว้วางใจพระองค์ในช่วงนั้นต่างหาก พระองค์กำลังทำงานในใจเราเพื่อให้เราเหมือนพระคริสต์มากขึ้น
สิ่งที่เราควรทำคือ
-
อย่ายอมแพ้
ต้องต่อสู้กับการทดลอง เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า
นี่เป็นเวลาที่เราจะใกล้ชิดและติดสนิทกับพระองค์
-
หลีกเลี่ยงการต่อว่าพระเจ้าหรือคิดว่าพระองค์เป็นผู้กระทำ
จริงแล้วพระองค์แค่อนุญาตให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเรา
และใช้สถานการณ์นั้นเพื่อทำงานในชีวิตเรา มันอาจไม่ทำให้เรารู้สึกดี
แต่พระประสงค์ของพระองค์ดีสำหรับเราเสมอ
-
ทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้เราต้องเจ็บปวด
เมื่อเรารู้สึกไม่ดีหรือมีคนอื่นทำสิ่งเลวร้ายกับเรา ให้เราทำสิ่งที่ดีให้กับคนอื่นอยู่เสมอ
-
อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
พัฒนาอุปนิสัย เพราะพระเจ้าได้เตรียมเราไว้แล้ว อย่างทิ้งความหวัง ให้เรามีความเชื่อเสมอ
เรื่องเล่าในอดีต
เกี่ยวกับลาตัวหนึ่งตกลงไปในบ่อลึก
มีลาตัวหนึ่งตกลงไปในบ่อลึก
มันร้องครวญครางเป็นเวลานาน เจ้าของลาครุ่นคิดสักครู่ แล้วจึงตัดสินใจว่าบ่อนั้นลึกเกินไปและลานั้นก็แก่มากแล้ว
และบ่อก็ต้องกลบอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจว่าจะฝังลาตัวนั้นในบ่อนั้น
เขาได้เรียกเพื่อนบ้านมาเพื่อช่วย พวกเขาเริ่มตักดินใส่ในหลุม
ตอนแรกลาตัวนั้นส่งเสียงร้อง หวาดกลัวต่อสถานการณ์อย่างเห็นได้ชัด ต่อมาเจ้าของสังเกตว่ามันเงียบและเขาคิดว่ามันคงตายไปแล้ว
แต่ทว่าลาตัวนั้นยังไม่ตาย
เมื่อเจ้าของมองลงไปในบ่อ
เขามองเห็นว่า ทุกครั้งที่ดินใส่ลงไปตกอยู่บนหลังของลา
มันจะสลัดดินออกแล้วขึ้นไปเหยียบบนดินแล้วเก็บดินนั้นไว้ใต้กีบเท้าของมัน
เป็นอย่างนี้อยู่หลายชั่วโมง จนในที่สุดลาตัวนั้นมีดินอยู่ใต้กีบเท้าสูงมากพอจนยกตัวมันสูงขึ้นแล้วออกจากบ่อนั้นมาได้
เราสามารถเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ว่า
ชีวิตจะสาดดินใส่เราครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไรก็ตาม อาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เรื่องการเงิน หรือเรื่องสุขภาพ แต่นี่เป็นเวลาที่เราต้องเรียนรู้ที่จะติดตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระองค์จะเปิดเผยให้เราเห็นวิธีที่จะสลัดดินออกไปอย่างไรเพื่อเราจะได้ขึ้นไปเหยียบบนนั้น
ทุกย่างก้าวของเราแต่ละย่างก้าวจะสูงขึ้นไม่มีวันตกต่ำ แม้มีอุปสรรค มีปัญหาต่างๆ
ผ่านเข้ามาเสมอ แต่จะมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเสมอด้วยเช่นกัน
ไม่มีคำว่าสายเกินไป หากเราไม่ยอมแพ้
เมื่อเราทำในส่วนของเราเองและทำในสิ่งที่เราทำได้ และยึดมั่นในความหวัง
เดินก้าวไปข้างหน้า พระเจ้าสัตย์ซื่อทำในสิ่งที่เราทำเองไม่ได้ให้กับเราเอง
หากเราไปต่อไม่ได้ อย่างสิ้นหวัง ให้เดินไปกับพระเจ้า
พระเจ้าจะเป็นผู้นำเส้นทางที่เราจะเริ่มต้นใหม่ เป็นทางที่พระเจ้านำมาให้เรายืนได้สูงยิ่งกว่าที่เราเคยคาดหวัง
อิสยาห์
40:29-31
“29
พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง 30
แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว 31
แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่
เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย
เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย”
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณบทความต่างๆ ที่ได้ศึกษาเพื่อนำมาแบ่งปัน
ขอบคุณบทความของ จอยซ์ ไมเออร์ เรื่อง ต้องทำอะไรเมื่อคุณไปต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นบทความหลักในการนำมาแบ่งปันครั้งนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น