1 ซามูเอล 16 : 7
แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกาย
ของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู
มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่ะพระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ
ความเก่ง
ความร่ำรวยเงินทอง ทรัพย์สิน เป็นสิ่งที่ท้าทายให้คนเรารู้สึกเหนือกว่าผู้อื่น
ได้ข้อคิดจากอาจารย์มิว
ในวันที่ผ่านมาพูดถึง เมื่อคนเราถึงจุดที่สูงสุด ก็อาจถูกทดลองได้
หรืออยู่จุดที่ต่ำสุด ก็ถูกการทดลองได้ง่ายๆ เช่นกัน
แบ่งปันในวันนี้ นำมาจากหนังสือ สุดหัวใจ
แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด (P.252-253)
ลูกา 18:31
“พระองค์จึงทรงพาสาวกสิบสองคนไปแล้วตรัสกับเขาว่า “ดูเถิด เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มและจะสำเร็จตามสิ่งสารพัด
ซึ่งเหล่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ว่าด้วยบุตรมนุษย์”
ความกล้าหาญของพระเจ้าที่กล้าวางพระทัยเราทั้งหลายนั้นช่างน่าประทับใจจริงๆ
บางทีเราอาจตอบว่า “แต่พระเจ้าไม่น่าจะเลือกฉันเลย
เพราะไม่มีอะไรดีในตัวฉัน ฉันเป็นคนไร้ค่า” แต่นั่นแหละคือเหตุผลที่พระองค์ได้ทรงเลือกสรรเราไว้
ตราบใดที่เราคิดว่ามีส่วนดีบางอย่างในตัวเรา พระองค์ก็จะเลือกเราไม่ได้ เนื่องจากเรายังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
แต่ถ้าเรายอมให้พระองค์นำเราไปถึงจุดสูงสุดในความเพียงพอในตนเองแล้ว
พระองค์ก็สามารถเลือกเราเพื่อพาไปยังกรุงเยรูซาเล็มด้วยกันได้
ซึ่งนั่นจะลงเอยด้วยการกระทำให้พระประสงค์บางประการสำเร็จ
แต่พระองค์จะไม่ปรึกษากับเราเกี่ยวกับเรื่องจุดประสงค์เหล่านั้น
เรามักจะพูดว่าเนื่องจากบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดมีความสามารถโดยธรรมชาติ
ดังนั้น เขาจึงเป็นคริสเตียนที่เป็นตัวอย่างได้
แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรามีอยู่
ทว่าเกี่ยวกับความขัดสนของเราต่างหาก ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรานำติดตัวมา
แต่เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ภายในเรา ปัญหาไม่เกียวกับคุณสมบัติที่ได้รับโดยธรรมชาติ
บุคลิกลักษณะที่หนักแน่นมั่นคง ความรอบรู้ หรือประสบการณ์ต่างๆ
ทั้งหมดนี้ไม่เป็นประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ สิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นประโยชน์คือ
ที่พระเจ้าจะทรงนำเราให้มีส่วนในพระประสงค์อันเหลือจะขัดขืนได้ของพระองค์
และให้เรามีฐานะเป็นมิตรสหายของพระองค์
1 โครินธ์ 1:26-30
“ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย
จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน
มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง
แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย
และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย
พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไร้สาระ
เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ เพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดต่อพระเจ้าได้
โดยพระองค์ ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์
เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญาและความชอบธรรมของเรา
และเป็นผู้ทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่เราไว้ให้พ้นบาป
เพื่อให้เป็นไปตามพระคัมภีร์ที่เขียนว่า ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า”
พระเจ้าทรงผูกมิตรกับคนที่รู้ว่าตนเองขาดตกบกพร่อง
พระองค์ทำอะไรไม่ได้กับผู้ที่ถือว่าตนเองมีประโยชน์สำหรับพระเจ้า
ในฐานะที่เป็นคริสตชน เรามิได้มุ่งทำให้ความทะเยอทะยานส่วนตัวของเราสำเร็จ
เพราะเราอยู่เพื่อประโยชน์ของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ซึ่งไม่เหมือนจุดมุ่งหมายของเราเองเลย เราทั้งหลายไม่รู้ว่าพระเข้าทรงมุ่งจะทำอะไร
แต่ในส่วนของเรา
เราจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์สินทกับพระองค์ไว้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
ในทำนองเดียวกัน เราต้องไม่ยอมให้มีอะไรเข้ามาแทรกแซง รบกวน
เราจำเป็นต้องให้เวลาเพื่อแก้ไขจนถูกต้องดังเดิม
ข้อใหญ่ใจความของคริสเตียนไม่ใช่การงานที่เรารับใช้
แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เรารักษาไว้ต่างหาก
รวมทั้งผลที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผูกพันกับพระเจ้า
พระองค์ทรงใช้เราทั้งหลายเอาใจใส่ดูแลรักษาเรื่องนั้นเรื่องเดียว
และเรื่องเดียวกันนี้แหละที่เป็นสิ่งที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
2 โครินธ์ 4:7-10
แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน
เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง
เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ
เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย เราแบกความตายของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ
เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย