9 ตุลาคม 2019
สันติสุข
พวกเราที่เป็นคริสเตียนคงเคยมีใครถามท่านเกี่ยวกับสันติสุข ข้าพเจ้าก็เช่นกัน มีคนถามข้าพเจ้าว่า “สันติสุขเป็นอย่างไร เพราะมักได้ยินคริสเตียนพูดว่าพวกเขามีสันติสุข ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ฉันอยากได้สันติสุขนั้น” ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน แล้วเราจะตอบว่าอย่างไรล่ะ หากเราไม่เคยสัมผัสสันติสุขเลย หรือยังไม่แน่ใจว่าที่เรารู้สึกอยู่นี้ใช่หรือไม่ เพราะยังมีแต่ความสงสัยและไม่แน่ใจ ในพระธรรมยอห์น 14:27 ...พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า "เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย" พระเยซูมอบสันติสุขไว้ให้กับผู้เชื่อและวางใจในพระองค์ ให้แบบฟรีๆ เพียงแต่เราจะรับไว้หรือไม่
ความสุข กับ สันติสุข จะมีความต่างกัน ความสุขนั้นมาจากปัจจัยต่างๆ ภายนอกแล้วเข้ามาอยู่ในใจเรา เช่น เราไปเที่ยวรู้สึกว่ามีความสุขเข้ามาในใจเรา แต่ความสุขเช่นนี้เราต้องแสวงหา เนื่องจากเป็นการเกิดจากสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อความสุข หลังจากเราได้รับความสุขแล้ว การไปเที่ยวหรือที่เราเรียกว่าไปเติมพลัง กลับมาสักพักเมื่อเราเผชิญปัญหาต่างๆ เราก็กลับมาทุกข์ต่อ หรือทุกข์ใจ บางคนก็ใช้วิธีอาจจะกินเหล้าเมาแล้วรู้สึกมีความสุขลืมที่ทุกข์ แต่พอหายเมาก็มาทุกข์ต่อ ส่วนสันติสุขเกิดจากภายในของผู้เชื่อที่พระเยซูคริสต์มอบให้แล้วผู้นั้นรับไว้ เมื่อเกิดสันติสุขในจิตใจก็จะส่งออกภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้นั้นก็ยังคงมีสันติสุข เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม และยังส่งต่อเป็นความสุขให้ผู้อยู่ใกล้ได้รับอีกด้วย
เราคงเคยรู้สึก เวลาที่เราอยู่ใกล้บางคนแล้วรู้สึกว่ามีความสุข แล้วในทางตรงข้าม เราก็เคยรู้สึกเช่นกันเวลาอยู่ใกล้บางคนรู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุข ไม่อยากอยู่ใกล้
สรุปคือ
ความสุขเกิดจากการแสวงหา สันติสุขเกิดจากการให้ คือพระเยซูคริสต์ให้ ให้มาฟรีๆ หรือจากการที่เราได้รับ
ความสุขเกิดจากปัจจัยภายนอก สันติสุขเกิดจากภายใน
ความสุขไม่ถาวร สันติสุขถาวรนิรันดร์
ความสุขต้องแสวงหาเพื่อให้ได้รับเรื่อยๆ ส่วนสันติสุขนั้นรับครั้งเดียวก็เพียงพอ และตลอดไป
ความสุขนั้นยึดตัวเราเป็นศูนย์กลาง พึ่งตัวเอง หาที่พึง ต้องแสวงหาเรือยๆ ส่วนสันติสุขนั้นให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
ข้าพเจ้าก็คนหนึ่งที่เคยแสวงหาความสุข หาคำตอบในชีวิต ข้าพเจ้าก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็เช่นกัน เริ่มแรกก็คงแสวงหาเพราะเราไม่รับไว้ เรายังไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่แสวงหาพระเจ้าก่อน แต่เรากลับแสวงหาความสุขด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง
ผู้ที่เคยประสบความทุกข์ในหลายสิ่ง หลายอย่าง หลายด้านมาประดังในทีเดียวกันคงรู้ความรู้สึกนั้นดี หากเราใช้วิธีแบบคนทั่วไปหาความสุขเพียงชั่วคราวเพื่อให้ลืมๆ สิ่งต่างๆ ลง แต่เมื่อกลับเข้ามาใช้ชีวิตเดิมก็จะจมอยู่กับความทุกข์อีก วนไปวนมาอยู่เช่นนั้น คริสเตียนไม่ใช่ผู้ที่ต้องปราศจากความทุกข์ แต่เป็นผู้ซึ่งวางใจในพระเจ้า พึ่งพาพระเจ้า มีความหวังใจ ขอความช่วยเหลือ สติปัญญาจากพระเจ้าก่อน พระเจ้าจะเดินไปเรา คอยช่วยเหลือ อุ้มชูเราให้เราให้ผ่านปัญหานั้นไปได้ แบบทางที่ควรจะเป็น เพื่อไม่ให้กลับซ้ำเดิมอีก เพียงแต่เราเชื่อและวางใจ
ความทุกข์ ความกังวลถึงอย่างไรเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสภาพแวดล้อม เราจะหนีไปอยู่มุมไหนของโลกเราก็ต้องเจอ
บางคนมีทุกอย่าง ประสบผลสำเร็จทุกด้าน แต่ไม่มีสันติสุข ยังมีความต้องการอะไรก็บอกไม่ได้ แสวงหา ไขว่ขว้า อยากได้มาเพื่อความสุขที่ก็ไม่เคยรู้จัก ทำให้ไม่รู้จักพอ
ยอห์น 16:33
เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว”
ฟีลิปปี 4:6-7
อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
จะเห็นว่า หากเราแสวงหาพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด เราก็จะรับเอาสันติสุขนั้นมาเป็นของเรา
กาลาเทีย 5:22-24
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว
ในเนื้อเพลงลำธาร ...สุขจนล้นหัวใจ ไม่อยากเก็บเอาไว้เพียงผู้เดียว ให้ชีวิตเหมือนลำธารไหลหลั่ง ให้แสงทองของพระองค์ส่องภายใน ประกาศไปถึงเรื่องราวรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่มีในชีวิตข้าตลอดไป
อีกส่วนหนึ่งของผู้เชื่อว่าทำไมจึงอยากประกาศเรื่องราวของพระเจ้า ก็คือ สุขที่มันล้นหัวใจออกมา ไม่อยากเก็บไว้เพียงผู้เดียว เหมือนดั่งในเพลงลำธาร ข้าพเจ้าได้ฟังเพลงนี้และเห็นผู้ที่ร้องเพลงนี้แล้วหน้าเค้าจะออกมาแบบนี้จริงๆ
โรม 5:1
เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสเจ้าของเรา
โคโลสี 3:15-17
และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น
**หากเราต้องการสันติสุขแท้ ให้เราเข้าหาพระเจ้า
สดุดี 34:8
ขอเชิญชิมดู แล้วจะเห็นว่า พระเจ้าประเสริฐ คนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ก็เป็นสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น