วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การทรงเลือก

ยอห์น 15:16
 “ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน” 

พระธรรมมัทธิวเป็นหนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งมัทธิวนำลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซูคริสต์มาใช้เริ่มต้นบันทึก ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อชาวยิว เนื่องจากเชื้อสายวงศ์ตระกูลเป็นเครื่องยืนยันว่าคนๆ นั้นเป็นหนึ่งในประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
พระเยซูเป็นเชื้อสายของอับราฮัมผู้เป็นบิดาของชาวยิวทั้งปวง และทรงเป็นเชื้อสายโดยตรงของกษัตริย์ดาวิด
เราอาจต้องกลับไปใคร่ครวญบุคคลต่างๆ ในพันธสัญญาเดิม แล้วเราก็จะเห็นได้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ครอบครอง และลำดับพงศ์ที่ท่านมัทธิวกล่าวถึง เป็นการทรงเลือกของพระเจ้า
หากเราดูจากพระคัมภีร์ ในพระธรรมมัทธิวเชื่อมโยงพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่เข้าด้วยกัน โดยอ้างอิงพันธสัญญาเดิมหลายข้อ สังเกตได้จากในพระธรรมมัทธิว หากเราดูในพระคัมภีร์จะมีข้อที่เป็นตัวเอียง ซึ่งจะอ้างอิงถึงพันธสัญญาเดิม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระราชกิจที่สำเร็จลงอย่างสมบูรณ์ ตามที่กล่าวไว้ในพันธสัญญาเดิมทุกประการ ท่านมัทธิวจึงชอบที่จะเขียนว่า ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะ

ในพระธรรมมัทธิว บทที่ 1 และ 2 นั้น จะเห็นได้ว่าโยเซฟเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก และเรียกให้รับใช้ ทรงนำถึง 3 ครั้ง โดยโยเซฟก็ทำตาม โดยไม่ปฏิเสธเลย

ครั้งที่ 1 (มัทธิว 1 : 20-25)
20แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า มาปรากฎแก่โยเซฟในความฝันว่า โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 
21เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา” 
22ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า
23 ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์
และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง
และเขาจะเรียกนามของท่านว่า
อิมมานูเอล (แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา) 
24ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตของพระเจ้าสั่งนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา 
25แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตรชายแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่า เยซู

ครั้งที่ 2 (มัทธิว 2 : 13-15)
13ครั้นเขาไปแล้วก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า ได้มาปรากฎแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย
14ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พากุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์
15และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์

ครั้งที่ 3 (มัทธิว 2 : 19-23)
19ครั้นเฮโรดสิ้นพระชนม์แล้ว ทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้ามาปรากฏในความฝันแก่โยเซฟ ที่ประเทศอียิปต์สั่งว่า 
20จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่เป็นภัยต่อชีวิตของกุมารนั้นตายแล้ว
21โยเซฟจึงลุกขึ้นพากุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล 
22แต่เมื่อได้ยินว่า อารเคลาอัสครอบครองแคว้นยูเดียแทนเฮโรดผู้เป็นบิดา จะไปที่นั่นก็กลัว และเมื่อได้ทราบคำเตือนในความฝัน จึงเลยไปยังแคว้นกาลิลี
23ไปอาศัยในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธเพื่อจะสำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสโดยผู้เผยพระวจนะว่า เขาจะเรียกท่านว่า ชาวนาซาเร็ธ

เอเฟซัส 1:4
ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์

พระเจ้าทรงเรียกผู้ใด พระองค์ไม่ได้เรียกให้เป็นไปตามมาตรฐานโลกเท่านั้น พระองค์ทรงเรียกร้องให้มอบกายถวายชีวิต เข้าร่วมราชกิจของพระองค์ ให้เกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์
โยเซฟนั้นเป็นคนชอบธรรม ในมัทธิว 1:19 ไม่ต้องการแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งมารีย์ต้องเสียชื่อเสียง ก็คิดว่าจะถอนหมั้นอย่างลับๆ แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว หลังจากถอนหมั้น มารีย์อาจต้องโทษถูกหินขว้างตาย ก็เป็นไปได้ (ตามกฎหมายสมัยนั้น)
โยเซฟยอมเสี่ยงภัย ทิ้งประเทศอิสราเอลนำครอบครัวไปหลบภัยในประเทศอียิปต์ ใช้สติปัญญาและเชื่อฟังการทรงนำจากพระเจ้า ผ่านทางนิมิตที่มีหลายครั้ง พระเจ้าทรงมีพระคุณที่จัดเตรียมโยเซฟให้กับมารีย์ เพื่อให้มารีย์มั่นใจ เพื่อให้มารีย์มีที่ปรึกษา มีผู้คอยคุ้มครองดูแลมารีย์และบุตร

ฮีบรู 6:10        
เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรม ที่จะทรงลืมการงานซึ่งท่านได้กระทำ เพราะความรักที่ท่านมีต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้ธรรมิกชนนั้น ดังที่ท่านยังรับใช้อยู่

                คงเป็นเรื่องปกติเพราะเราเป็นมนุษย์ อาจหมดกำลังใจ ผิดหวังและถูกปฏิเสธบนโลกนี้หรือคิดว่าพระเจ้าทอดทิ้งเรา แต่พระเจ้าทรงยุติธรรมเสมอ พระองค์ไม่เคยมองข้ามงานหนักที่เราทำเพื่อพระองค์
  สำหรับเราแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงเลือกเพื่อรับใช้พระองค์ในแต่ละหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เราจะรับพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้ช่วย หรือเราจะปฏิเสธพระองค์ ? มี 2 ทางเท่านั้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น