วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ค้นหาความหวังและพระคุณ

 

24 ตุลาคม 2024

เรื่องค้นหาความหวังและพระคุณ (จาก Application แผนการอ่านมานาประจำวัน)

เพลง จิตใจข้าสุขสบาย แปลมาจากเพลง It is well with my soul เขียนโดย Horatio Spafford ขณะนั้นเขาอายุได้ 43 ปี มีอาชีพเป็นทนายความ เขาอยู่ชานเมืองด้านเหนือของชิคาโกกับภรรยาและลูกๆ ภรรยาเขาชื่อ แอนนา ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 5 คน เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 4 คน ลูกๆ ของเขาอยู่ในวัยที่กำลังน่ารัก ในปี ค.ศ.1871 ลูกชายคนเดียวของเขาในวัย 4 ขวบ ได้เสียชีวิตลง นำความเศร้าโศกเสียใจให้กับเขามาก แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป หลังจากนั้นใน 2-3 เดือนต่อมา เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่ชิคาโก้ในปี ค.ศ.1871 ได้เผาพลาญอสังหาริมทรัพย์ที่เขาได้ลงทุนเกือบทั้งหมด จนเขาแทบหมดตัว ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เขาจะรับได้

สองปีต่อมา เขาตัดสินใจว่าครอบครัวของเขาควรจะใช้เวลาวันหยุดสักแห่งโดยเขาเลือกประเทศอังกฤษ เพราะเพื่อนของเขา D.L. Moody จะเทศนาสั่งสอนที่นั่นในฤดูใบไม้ร่วง เขาให้ครอบครัวล่วงหน้าไปก่อน โดยให้ภรรยาและลูกสาว 4 คน โดยสารไปกับเรือ S.S. Ville Du Havre และสัญญากับครอบครัวว่าจะตามไปในอีกไม่กี่วันหลังจากทำภารกิจที่ต้องจัดทำให้เรียบร้อยเสียก่อน ในขณะที่เรือได้แล่นออกไป ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1873 เกิดอุบัติเหตุเรือชนกันและจมลงใน 12 นาที มีคนเสียชีวิตทั้งหมดรวม 226 คน จากทั้งหมด 313 คน ซึ่งมีผู้โดยสาร 61 คนและลูกเรือ 26 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยมีภรรยาของเขาเป็นหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้รอดชีวิต เธอได้รับการช่วยเหลือโดยถูกยกขึ้นในอาการหมดสติและลอยอยู่บนแผ่นไม้ เมื่อภรรยาของเขาผู้รอดชีวิตจากเรืออับปางได้มาขึ้นฝั่งที่ยุโรป แอนนา สแปตฟอร์ด ก็ได้ส่งโทรเลขบอกเขาว่า รอดมาคนเดียว ฉันจะทำอย่างไรดี... สแปตฟอร์ดเดินทางจากชิคาโกไปรับภรรยาของเขากลับมาบ้านทันที

ในระหว่างที่เดินทางท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ชณะที่เรือกำลังแล่นผ่านจุดที่ลูกสาวทั้ง 4 คน ของเขาเสียชีวิตจากเรืออับปาง เขาได้แต่งบทเพลงที่เป็นอมตะร้องหนุนใจกันจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลา 151 ปี ชื่อเพลง It is well with my soul หรือเพลง จิตใจข้าสุขสบาย ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ วิกฤตที่ยากลำบากในชีวิต ในปี ค.ศ.1881 เขาและครอบครัว ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อช่วยคนที่ลำบาก เขาได้เป็นมิชชั่นนารี ได้แบ่งปันเรื่องราวของพระเยซูคริสต์กับคนท้องถิ่นที่เป็นมุสลิม และคนยิว ผ่านการรับใช้ของเขา นำคนมาหาพระเยซูคริสต์อีกมากมายโดยการประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ผ่านคำพยาน ผ่านเรื่องราวของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งความเจ็บปวด สายน้ำแห่งการสูญเสีย แต่เขาก็รู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วยท่ามกลางความเจ็บปวดเหล่านั้น และถึงแม้เขาจะเจ็บปวด แต่เขาก็อยากให้รู้ว่าจิตใจของเขาสุขสบายเมื่อรู้ว่าพระเจ้าอยู่กับเขาและพระเจ้าก็อยู่กับพวกเราเสมอ

เขาเขียนบทเพลงเช่นนี้ได้อย่างไร? ซึ่งเนื้อเพลงเผยให้เห็นว่า เขาเรียนรู้ที่จะพึ่งพาในความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขา นั่นคือความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ และได้ค้นพบสันติสุขในจิตวิญญาณท่ามกลางความโศกเศร้ามากมาย

เขาสามารถมีสันติสุขแม้ขณะที่ยังคงมีความเศร้า ความโดดเดี่ยว ความอ่อนล้า และแม้กระทั่งความโกรธ แล้วหากเป็นเรา เราจะทำอย่างไรบ้างเมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านี้ ?

อารมณ์และความเชื่อ

พระคัมภีร์เต็มไปด้วยความรู้สึก ฮันนา “เป็นทุกข์ร้อนใจมากอธิษฐานต่อพระเจ้าและร้องไห้คร่ำครวญ” (1 ซามูเอล 1:10) ดาวิดเปิดใจต่อพระเจ้าแบบไม่ปิดบังในสดุดีบทแล้วบทเล่า ใน สดุดี 22:14-15 กล่าวว่า ข้าพระองค์ถูกเทออกเหมือนอย่างน้ำ กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่ใจของข้าพระองค์ก็เหมือนขี้ผึ้งละลายภายในอก กำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปเหมือนเศษหม้อดิน และลิ้นของข้าพระองค์ก็เกาะติดที่ขากรรไกร พระองค์ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในผงคลีแห่งความตาย เอลียาห์สัมผัสกับหลุมลึกแห่งความซึมเศร้าหดหู่ (1 พงศ์กษัตริย์ 19) เยเรมีย์ร้องไห้คร่ำครวญต่อพระพักตร์พระเจ้า (เยเรมีย์ 8:20-9:1)

การแสดงอารมณ์ที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ ความสับสน หรือความอิจฉาต่อพระเจ้าเป็นเรื่องที่ทำได้หรือไม่? แน่นอน เราทำเช่นนั้นได้!

ในสวนเกทเสมนี ในคืนก่อนที่พระเยซูถูกตรึง พระองค์กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของพระองค์ต่อพระบิดา มัทธิว 26:37-38 บอกเราว่าพระองค์ “ทรงโศกเศร้าและหนักพระทัยนัก… (ใจของเรา) เป็นทุกข์แทบจะตาย”

ฮันนาอธิษฐานขอบุตรและเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของเธอ ดาวิดร่ำไห้ต่อพระเจ้าในขณะเดียวกันยกย่องฤทธิ์อำนาจ ความสัตย์ซื่อ และความรักของพระองค์ เอลียาห์และเยเรมีย์ต่างได้รับการปลอบประโลมจากพระเจ้าเมื่อรู้สึกดำดิ่งและเป็นทุกข์ และพระเยซูคริสต์ทรงยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดา ( ใน ลูกา 22:42 ) โดยตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด" และพระองค์ได้รับการเสริมกำลังจากทูตสวรรค์ ในข้อ 43 – 44 “[ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่พระองค์ ช่วยชูกำลังพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนัก พระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐานพระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่]”

ความรู้สึกเป็นเครื่องบ่งบอก เหมือนค่าต่างๆ บนแผงหน้าปัดรถยนต์ ซึ่งบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายในตัวรถ เมื่อเราให้ความสนใจกับความรู้สึก มันสามารถเปิดเผยความต้องการของมนุษย์อย่างเรา และเมื่อรวมกับความเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยเหลือเรา ความรู้สึกนี้สามารถนำเราไปสู่ความหวังได้

วิธีค้นหาความหวัง

ส่วนใหญ่เรามักต่อสู้และละอายกับอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เราพยายามปกปิดความทุกข์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้จากคนอื่น ทั้งจากตัวเอง และแม้กระทั่งจากพระเจ้า แต่เราจะได้รับการช่วยเหลือก็ต่อเมื่อเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองและรับมือกับมัน

เมื่อเราพบว่าเรากำลังอยู่ในภาวะความเศร้าฝังใจ ความโกรธจัด ความอิจฉาที่เกิดขึ้นฉับพลัน หรือความหดหู่ดำดิ่ง เราสามารถหยุดเพื่อคิดและจดบันทึกว่าความรู้สึกนี้คืออะไร เกิดขึ้นจากอะไร เราเคยมีความรู้สึกแบบนี้ในสถานการณ์ใดมาก่อนบ้างไหม เราจะเข้าใจและเรียนรู้จากมันได้อย่างไร

อารมณ์และความรู้สึกช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจการเอาใจใส่ของพระเจ้า พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เรานำความรู้สึกเหล่านี้เข้ามาและขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ในความสัมพันธ์กับพระองค์ เราจะพบกับความผูกพันที่เราปรารถนาซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด

เมื่อเราเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว เราสามารถบอกพระองค์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเรา เพราะพระองค์ทรงทราบความรู้สึกของเราแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้พระองค์ประหลาดใจ พระเจ้ารักเราแบบที่เราเป็น ทรงรอให้เราตอบสนองความรักนั้น ซึ่งอาจเป็นเวลาเมื่อเราพบปะกับผู้เชื่ออื่นๆ เมื่อนมัสการ เมื่อชื่นชมสรรพสิ่งทรงสร้าง และเมื่ออธิษฐาน บ่อยครั้งความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระเจ้าเกิดขึ้นเมื่ออ่านจดหมายรักของพระองค์ที่มาถึงเรา คือพระคัมภีร์นั่นเอง

แต่ถึงแม้เราจะรู้จักพระเจ้ามาเป็นเวลานาน สุขภาพใจของเรายังอาจประสบปัญหาหนักหน่วง ซึ่งทำให้สับสนและรู้สึกไม่มั่นคงได้ เราสามารถรับความช่วยเหลือและความหวังโดยพูดคุยกับที่ปรึกษามืออาชีพ หรือคนอื่นๆ ที่พระเจ้าใช้เขาเพื่อนำเราเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ เราต้องตระหนักว่า ความวิตกกังวล บาดแผลทางใจ หรืออารมณ์ซึมเศร้าที่เกิดขึ้นต้องรับการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาเมื่อร่างกายเจ็บป่วย

ความหวังจะเติบโตขึ้นได้จากความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกับพระเจ้า ผู้ทรงรู้จักเราอย่างลึกซึ้ง และทรงรับความทรมานบนกางเขน เพื่อเราจะไม่ถูกทิ้งให้ต้องเจ็บปวดโดยลำพัง พระเจ้าผู้แสนดีของเราทรงรักเราอย่างยิ่ง ทรงจัดเตรียมความหวังและพระคุณไว้ให้อย่างที่เราต้องการ

 

อลิซา มอร์แกน, ผู้เขียนมานาประจำวัน / และประวัติเพลงจิตใจข้าสุขสบาย ส่วนหนึ่งได้คัดมาจาก https://lukeworship.wordpress.com/2010/08/19/it-is-well-with-my-soul-horatio-gates-spafford