24
ตุลาคม 2024
เรื่องค้นหาความหวังและพระคุณ
(จาก Application แผนการอ่านมานาประจำวัน)
เพลง จิตใจข้าสุขสบาย แปลมาจากเพลง It
is well with my soul เขียนโดย Horatio Spafford ขณะนั้นเขาอายุได้ 43 ปี มีอาชีพเป็นทนายความ เขาอยู่ชานเมืองด้านเหนือของชิคาโกกับภรรยาและลูกๆ
ภรรยาเขาชื่อ แอนนา ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 5 คน เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 4 คน ลูกๆ
ของเขาอยู่ในวัยที่กำลังน่ารัก ในปี ค.ศ.1871 ลูกชายคนเดียวของเขาในวัย 4 ขวบ ได้เสียชีวิตลง
นำความเศร้าโศกเสียใจให้กับเขามาก แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป หลังจากนั้นใน 2-3
เดือนต่อมา เกิดไฟไหม้ใหญ่ที่ชิคาโก้ในปี ค.ศ.1871 ได้เผาพลาญอสังหาริมทรัพย์ที่เขาได้ลงทุนเกือบทั้งหมด
จนเขาแทบหมดตัว ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เขาจะรับได้
สองปีต่อมา
เขาตัดสินใจว่าครอบครัวของเขาควรจะใช้เวลาวันหยุดสักแห่งโดยเขาเลือกประเทศอังกฤษ
เพราะเพื่อนของเขา D.L. Moody จะเทศนาสั่งสอนที่นั่นในฤดูใบไม้ร่วง
เขาให้ครอบครัวล่วงหน้าไปก่อน โดยให้ภรรยาและลูกสาว 4 คน โดยสารไปกับเรือ S.S.
Ville Du Havre และสัญญากับครอบครัวว่าจะตามไปในอีกไม่กี่วันหลังจากทำภารกิจที่ต้องจัดทำให้เรียบร้อยเสียก่อน
ในขณะที่เรือได้แล่นออกไป ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1873 เกิดอุบัติเหตุเรือชนกันและจมลงใน
12 นาที มีคนเสียชีวิตทั้งหมดรวม 226 คน จากทั้งหมด 313 คน ซึ่งมีผู้โดยสาร 61
คนและลูกเรือ 26 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต
โดยมีภรรยาของเขาเป็นหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้รอดชีวิต เธอได้รับการช่วยเหลือโดยถูกยกขึ้นในอาการหมดสติและลอยอยู่บนแผ่นไม้
เมื่อภรรยาของเขาผู้รอดชีวิตจากเรืออับปางได้มาขึ้นฝั่งที่ยุโรป แอนนา สแปตฟอร์ด
ก็ได้ส่งโทรเลขบอกเขาว่า “รอดมาคนเดียว ฉันจะทำอย่างไรดี...” สแปตฟอร์ดเดินทางจากชิคาโกไปรับภรรยาของเขากลับมาบ้านทันที
ในระหว่างที่เดินทางท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ
ชณะที่เรือกำลังแล่นผ่านจุดที่ลูกสาวทั้ง 4 คน ของเขาเสียชีวิตจากเรืออับปาง
เขาได้แต่งบทเพลงที่เป็นอมตะร้องหนุนใจกันจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลา 151 ปี ชื่อเพลง It
is well with my soul หรือเพลง
จิตใจข้าสุขสบาย ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ
วิกฤตที่ยากลำบากในชีวิต ในปี ค.ศ.1881 เขาและครอบครัว ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อช่วยคนที่ลำบาก
เขาได้เป็นมิชชั่นนารี ได้แบ่งปันเรื่องราวของพระเยซูคริสต์กับคนท้องถิ่นที่เป็นมุสลิม
และคนยิว ผ่านการรับใช้ของเขา
นำคนมาหาพระเยซูคริสต์อีกมากมายโดยการประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ผ่านคำพยาน
ผ่านเรื่องราวของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งความเจ็บปวด
สายน้ำแห่งการสูญเสีย แต่เขาก็รู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วยท่ามกลางความเจ็บปวดเหล่านั้น
และถึงแม้เขาจะเจ็บปวด
แต่เขาก็อยากให้รู้ว่าจิตใจของเขาสุขสบายเมื่อรู้ว่าพระเจ้าอยู่กับเขาและพระเจ้าก็อยู่กับพวกเราเสมอ
เขาเขียนบทเพลงเช่นนี้ได้อย่างไร? ซึ่งเนื้อเพลงเผยให้เห็นว่า
เขาเรียนรู้ที่จะพึ่งพาในความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขา
นั่นคือความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์
และได้ค้นพบสันติสุขในจิตวิญญาณท่ามกลางความโศกเศร้ามากมาย
เขาสามารถมีสันติสุขแม้ขณะที่ยังคงมีความเศร้า
ความโดดเดี่ยว ความอ่อนล้า และแม้กระทั่งความโกรธ แล้วหากเป็นเรา เราจะทำอย่างไรบ้างเมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านี้
?
อารมณ์และความเชื่อ
พระคัมภีร์เต็มไปด้วยความรู้สึก ฮันนา
“เป็นทุกข์ร้อนใจมากอธิษฐานต่อพระเจ้าและร้องไห้คร่ำครวญ” (1 ซามูเอล 1:10)
ดาวิดเปิดใจต่อพระเจ้าแบบไม่ปิดบังในสดุดีบทแล้วบทเล่า ใน สดุดี 22:14-15
กล่าวว่า ข้าพระองค์ถูกเทออกเหมือนอย่างน้ำ กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่ใจของข้าพระองค์ก็เหมือนขี้ผึ้งละลายภายในอก
กำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปเหมือนเศษหม้อดิน
และลิ้นของข้าพระองค์ก็เกาะติดที่ขากรรไกร
พระองค์ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในผงคลีแห่งความตาย
เอลียาห์สัมผัสกับหลุมลึกแห่งความซึมเศร้าหดหู่ (1 พงศ์กษัตริย์ 19) เยเรมีย์ร้องไห้คร่ำครวญต่อพระพักตร์พระเจ้า
(เยเรมีย์ 8:20-9:1)
การแสดงอารมณ์ที่ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นความเศร้า
ความโกรธ ความสับสน หรือความอิจฉาต่อพระเจ้าเป็นเรื่องที่ทำได้หรือไม่? แน่นอน
เราทำเช่นนั้นได้!
ในสวนเกทเสมนี
ในคืนก่อนที่พระเยซูถูกตรึง พระองค์กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของพระองค์ต่อพระบิดา
มัทธิว 26:37-38 บอกเราว่าพระองค์ “ทรงโศกเศร้าและหนักพระทัยนัก… (ใจของเรา)
เป็นทุกข์แทบจะตาย”
ฮันนาอธิษฐานขอบุตรและเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของเธอ
ดาวิดร่ำไห้ต่อพระเจ้าในขณะเดียวกันยกย่องฤทธิ์อำนาจ ความสัตย์ซื่อ และความรักของพระองค์
เอลียาห์และเยเรมีย์ต่างได้รับการปลอบประโลมจากพระเจ้าเมื่อรู้สึกดำดิ่งและเป็นทุกข์
และพระเยซูคริสต์ทรงยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดา ( ใน ลูกา 22:42 ) โดยตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า
ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์
แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด"
และพระองค์ได้รับการเสริมกำลังจากทูตสวรรค์ ในข้อ 43
– 44 “[ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่พระองค์ ช่วยชูกำลังพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนัก
พระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐานพระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่]”
ความรู้สึกเป็นเครื่องบ่งบอก เหมือนค่าต่างๆ
บนแผงหน้าปัดรถยนต์ ซึ่งบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายในตัวรถ
เมื่อเราให้ความสนใจกับความรู้สึก มันสามารถเปิดเผยความต้องการของมนุษย์อย่างเรา
และเมื่อรวมกับความเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยเหลือเรา
ความรู้สึกนี้สามารถนำเราไปสู่ความหวังได้
วิธีค้นหาความหวัง
ส่วนใหญ่เรามักต่อสู้และละอายกับอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
เราพยายามปกปิดความทุกข์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้จากคนอื่น ทั้งจากตัวเอง
และแม้กระทั่งจากพระเจ้า
แต่เราจะได้รับการช่วยเหลือก็ต่อเมื่อเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองและรับมือกับมัน
เมื่อเราพบว่าเรากำลังอยู่ในภาวะความเศร้าฝังใจ
ความโกรธจัด ความอิจฉาที่เกิดขึ้นฉับพลัน หรือความหดหู่ดำดิ่ง เราสามารถหยุดเพื่อคิดและจดบันทึกว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
เกิดขึ้นจากอะไร เราเคยมีความรู้สึกแบบนี้ในสถานการณ์ใดมาก่อนบ้างไหม
เราจะเข้าใจและเรียนรู้จากมันได้อย่างไร
อารมณ์และความรู้สึกช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจการเอาใจใส่ของพระเจ้า
พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เรานำความรู้สึกเหล่านี้เข้ามาและขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ในความสัมพันธ์กับพระองค์ เราจะพบกับความผูกพันที่เราปรารถนาซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด
เมื่อเราเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว
เราสามารถบอกพระองค์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเรา เพราะพระองค์ทรงทราบความรู้สึกของเราแล้ว
ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้พระองค์ประหลาดใจ พระเจ้ารักเราแบบที่เราเป็น
ทรงรอให้เราตอบสนองความรักนั้น ซึ่งอาจเป็นเวลาเมื่อเราพบปะกับผู้เชื่ออื่นๆ
เมื่อนมัสการ เมื่อชื่นชมสรรพสิ่งทรงสร้าง และเมื่ออธิษฐาน
บ่อยครั้งความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระเจ้าเกิดขึ้นเมื่ออ่านจดหมายรักของพระองค์ที่มาถึงเรา
คือพระคัมภีร์นั่นเอง
แต่ถึงแม้เราจะรู้จักพระเจ้ามาเป็นเวลานาน
สุขภาพใจของเรายังอาจประสบปัญหาหนักหน่วง ซึ่งทำให้สับสนและรู้สึกไม่มั่นคงได้
เราสามารถรับความช่วยเหลือและความหวังโดยพูดคุยกับที่ปรึกษามืออาชีพ หรือคนอื่นๆ
ที่พระเจ้าใช้เขาเพื่อนำเราเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ เราต้องตระหนักว่า
ความวิตกกังวล บาดแผลทางใจ
หรืออารมณ์ซึมเศร้าที่เกิดขึ้นต้องรับการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาเมื่อร่างกายเจ็บป่วย
ความหวังจะเติบโตขึ้นได้จากความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกับพระเจ้า
ผู้ทรงรู้จักเราอย่างลึกซึ้ง และทรงรับความทรมานบนกางเขน
เพื่อเราจะไม่ถูกทิ้งให้ต้องเจ็บปวดโดยลำพัง
พระเจ้าผู้แสนดีของเราทรงรักเราอย่างยิ่ง
ทรงจัดเตรียมความหวังและพระคุณไว้ให้อย่างที่เราต้องการ
อลิซา มอร์แกน, ผู้เขียนมานาประจำวัน / และประวัติเพลงจิตใจข้าสุขสบาย ส่วนหนึ่งได้คัดมาจาก https://lukeworship.wordpress.com/2010/08/19/it-is-well-with-my-soul-horatio-gates-spafford