วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พลังของคำพูดและความคิด

 

20 พฤษภาคม 2024

พลังของคำพูดและความคิด

 

เอเฟซัส 4:29

อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน”

ขอบคุณบทความดีๆ ที่ได้ข้อคิดส่วนหนึ่ง จาก https://thepotential.org/life/empathy-gap/

Empathy Gap: เปลี่ยนการทำร้ายกันด้วยคำพูด เป็นการเรียนรู้ผู้อื่นโดยไม่ตัดสิน (17 ตุลาคม 2023)

เราอาจเคยผ่านความรู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดของคนอื่น ที่เมื่อฟังแล้วเหมือนถูกมีดแทงตรงกลางใจ หรือเหมือนโดนตบหน้าแรงๆ โดยที่ผู้พูดอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่สำหรับผู้ฟังแล้วแม้จะตบท้ายด้วยการบอกว่า “แซวเล่น” หรือ “ล้อเล่น” ก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น ซึ่งในทางตรงกันข้าม บางครั้งเราเองก็อาจเป็นคนที่มอบความเจ็บปวดนั้นให้กับคนอื่นด้วยคำพูดด้วยเช่นกัน ข้าพเจ้าก็เช่นกัน ไม่แน่ใจว่ากี่ครั้งแล้วที่ข้าพเจ้าอาจทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดด้วยคำพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทำให้ตัวเองต้องจดจำและระวังจนถึงทุกวันนี้ คือในช่วงที่เป็นนักศึกษาเราได้ไปเที่ยวพักค้างคืนกันเป็นกลุ่ม แล้วด้วยความที่ตัวเองคิดว่าพูดให้สนุกๆ จึงได้แซวเพื่อนคนนึงเล่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของแฟนเค้า แล้วข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่าเพื่อนมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับคำพูดนั้น เวลาผ่านไปจนพวกเราเรียนจบ เพื่อนได้เขียนบอกข้าพเจ้าถึงเหตุการณ์นั้น ซึ่งเค้าไม่ชอบสิ่งที่เราพูดแบบนั้น นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังติดอยู่ในใจข้าพเจ้า และไม่มีโอกาสที่ได้เจอเพื่อนคนนี้เพื่อที่จะขอโทษเขาอีกเลย

แล้วทำไมคำพูดที่คนหนึ่งมองว่าเป็นเพียงคำธรรมดาๆ หรือแค่แซวเล่นเฉยๆ กลับทำให้อีกคนรู้สึกเจ็บปวดหรือทำร้ายจิตใจอย่างมาก?

บางครั้งไม่ได้มาจากความรุนแรงของถ้อยคำที่ถูกสื่อสารออกมาอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิต มุมมอง อารมณ์ สิ่งแวดล้อม และการให้ความสำคัญต่อเรื่องต่างๆ ในชีวิตที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน

ข้าพเจ้าได้อ่านบทความเรื่อง เปลี่ยนการทำร้ายกันด้วยคำพูด เป็นการเรียนรู้ผู้อื่นโดยไม่ตัดสิน ซึ่ง ดร.มุก – กัณฐรัตน์ เหลืองอ่อน นักจิตวิทยาคำปรึกษา ได้ชวนให้ปรับมุมมอง ลดการตัดสินผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่นด้วยคำพูด

‘กฎของกระจก’ (ชีวิตคือกระจกส่องสะท้อนจิตใจของเรา) สามารถอธิบายว่า ทําไมเราถึงเจ็บปวดกับคำบางคํา เพราะจริงๆ แล้ว ตัวเราเองเป็นคนที่ยิงคําพวกนี้ใส่ตัวเองโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาที่คนอื่นพูดมา แม้บทสนทนาจะมีสัก 100 คำ แต่เราก็จะไปโฟกัสเฉพาะคําที่แทงใจเรา หรือคําที่เรายิงใส่ตัวเองเสมอ จึงทำให้เจ็บปวดมาก เพราะสิ่งนี้ตรงกับสิ่งที่เราคิดว่าตัวเราเป็น

“ธรรมชาติของมนุษย์ ชอบไปโฟกัสกับสิ่งที่ไม่ดี ยิ่งเราอยู่ในโลกของโซเชียลมีเดีย เราจะเห็นหลายเรื่องในแง่ลบอยู่ทุกๆ วัน เลยทำให้เรามีจิตใจที่หมกมุ่นกับคำลบๆ และประสบการณ์ทางลบนั้นโดยไม่รู้ตัว เราควรจะกลับมาสํารวจความเป็นจริง ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นจริงหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นจริง ก็จะได้กลับมาบอกตัวเองได้ว่ามันไม่ใช่ เพราะสุขภาพจิตก็เหมือนสุขภาพร่างกาย ถ้าในวันที่เราอ่อนแอ ภูมิต่ำ เราก็จะติดเชื้อโรคได้ง่าย สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องออกกำลังใจให้แข็งแรงด้วยเช่นกัน

พระวจนะของพระเจ้ามีคำสอนทุกเรื่องในการดำเนินชีวิต ทุกๆ เช้าที่เราเข้ามารับฟังพระวจนะของพระเจ้าในห้องนมัสการนี้ หากเรารับฟังอย่างตั้งใจ พระวจนะก็จะตกลงในจิตใจของเรา เป็นข้อคิด นำไปใช้ ในการดำเนินชีวิต การรับฟังพระวจนะของพระเจ้าในทุกๆ เช้านี้ ก็เป็นการออกกำลังใจให้แข็งแรงด้วยเช่นกัน

หากปกติเราเป็นคนพูดแบบไม่คิด ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง หากจะพูดอะไรออกไป ให้นำคำพูดนั้นไปคิดในใจก่อนสัก 5 วินาที ว่าควรพูดออกไปหรือไม่ สิ่งที่จะช่วยชะลอการพูดทำร้ายคนอื่นได้คือการมีสติ รู้เท่าทันตัวเอง ในยุคนี้เป็นยุคที่เรามักติดอยู่ในโลกของโซเชียลมีเดีย คงไม่แค่การสื่อสารด้วยการพูดเพียงอย่างเดียว การสื่อสารด้วยการส่งข้อความต่างๆ หรือการโพสต์ลงในโลกโซเชียลมีเดียก็เช่นกัน ก่อนที่จะกดโพสต์ หรือส่งข้อความ คงต้องอ่านและคิดทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่าเหมาะสมหรือไม่

นักจิตวิทยาก็ได้เล่าอีกว่าตัวของท่านเองก็เช่นกัน เมื่อเวลาที่จะพูดอะไร ต้องคิดก่อนว่า ตอนนี้เรากำลังตัดสินเขาอยู่หรือเปล่า และถ้าพูดออกไปแล้วเป็นเรื่องที่ดีก็พูดเลย แต่ถ้าพูดแล้วกลายเป็นลบ ก็ไม่ควรพูด เก็บไว้ในใจดีกว่า

เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้อ่านข้อคิดจากเพจหนึ่งซึ่งขึ้นมาบน facebook เป็นข้อคิดสำหรับข้าพเจ้าและคิดว่าจะนำมาแบ่งปันในเช้านี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เก่าแล้ว หลายท่านอาจเคยได้ยิน ซึ่งเจ้าของเพจได้บอกว่า ชอบเรื่องนี้มาก อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเอง (Page IT'ME)

"แม่ของผม เป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำทุกวัน... คืนหนึ่ง หลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราตามปกติที่โต๊ะอาหาร แม่วางจานที่มี ปลาทูไหม้เกรียมบนโต๊ะต่อหน้าพ่อ และทุกๆคน ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร แต่... พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียน เป็นอย่างไรบ้าง

คืนนั้น หลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทูไหม้ และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย "โอย... ผมชอบปลาทูทอด เกรียมๆ อร่อยมากนะแม่" คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอนผมจึงถามพ่อว่า "พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ" พ่อลูบหัวผม และตอบว่า "แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน... ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูดที่ต่อว่ากันนั้นต่างหากที่จะทำร้ายกัน" "ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคนก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ" แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ในช่วงชีวิต คือ..... การเรียนรู้ ที่จะยอมรับความผิดของคนอื่น และของตัวเอง การเลือกที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ ในการรักษาชีวิตครอบครัวที่มีความสุข และยืนยาว “ชีวิตเราสั้นเกินกว่าที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารัก และรักเรา ให้ดูแล และทะนุถนอมคนที่รักเรา พยายามเข้าใจ และให้อภัยจะดีกว่า"

 

• เราจะบีบแตร ใส่คนที่ ยืนยึกยักริมถนนแยกที่ผ่านมามั๊ย– ถ้าเรารู้ว่า เค้าใส่ขาเทียม

• เราจะเบียดชนคนข้างหน้าที่เดินช้ามากมั๊ย – ถ้าเรารู้ว่า เค้าเพิ่งตกงาน

• เราจะขำ คนที่แต่งตัวเชยมั๊ย – ถ้าเรารู้ว่า เค้ามีชุดเก่ง แค่ชุดเดียว

• เราจะรำคาญ สาวโรงงานที่มาเดินพารากอนมั๊ย – ถ้าเรารู้ว่า นั่นคือ การฉลองวันเกิดของเธอ

• เราจะหมั่นไส้ ลุงที่หัวเราะเสียงดังลั่น คนนั้นมั๊ย – ถ้ารู้ว่า แกเป็นมะเร็ง ระยะสุดท้าย

• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…ว่าชีวิตเรา กำลังเจออะไร แต่เรา ไม่มีวันรู้ว่า "คนที่เราเจอ – กำลังเจอ กับอะไร"

**โลก กว้างกว่า เงาของเรา และโลก ก็ไม่ได้หมุน รอบตัวเรา

**มองข้าม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง ให้โอกาส และให้อภัย มีความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน จะได้รัก และอยู่ด้วยกัน อย่างยั่งยืนยาวนาน

ถ้าเราอยากจะส่งต่อความสุขให้กับผู้อื่น ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวเอง จากการชอบทิ่มแทงคนอื่น เป็นการเรียนรู้ผู้อื่น ถ้าเราจะหยุดการส่งต่อความเจ็บปวดสู่ผู้อื่นนั้น เราต้องรู้เท่าทันตัวเองก่อนว่าเรามีทัศนคติต่อคนหรือเรื่องราวตรงหน้าอย่างไร เพื่อที่จะชะลอการตัดสิน

ถ้าเราเห็นคุณค่าของตัวเอง รักตัวเองให้เป็น เราก็จะไม่อนุญาตให้อะไรมาทำร้ายเรา เช่นเดียวกับที่เราไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายคนที่เรารัก

ปกติแล้วเวลาที่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้น เรามักจะไปโฟกัสกับความเจ็บปวด แต่หากเรายังรักตัวเองมากพอ ก็ให้ลองมองว่า ของขวัญที่ได้รับจากความเจ็บปวดนี้คืออะไร เพราะจะมีของขวัญพิเศษบางอย่างที่มากับสิ่งนั้นเสมอ

พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีวัตถุประสงค์เสมอ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เกิดประโยชน์ ถึงแม้สิ่งนั้นจะมีโทษในตัวของสิ่งนั้นเองก็ตาม ทุกๆ ความเจ็บปวด ทุกๆ ความป่วย ทุกๆ ความยากลำบาก ที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา ก็จะมีพระพรที่ซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ เพียงแต่เรามักมองไม่เห็น

บางคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ กลับมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดีขึ้น กว่าคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก่อน ของขวัญของคนที่รู้ตัวเองว่าป่วยคือ เขาจะไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต จะรู้ว่าชีวิตของเขามีคุณค่าและมีความสุขแค่ไหน”

หลายท่านก็ได้บอกว่า แค่เราตื่นขึ้นมาและยังมีลมหายใจ พระเจ้าให้โอกาสในเช้าวันใหม่ในอีกหนึ่งวันให้เราได้ตื่นขึ้นมาทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินของพระองค์บนโลกนี้ เพียงแต่นี้เราก็ขอขอบคุณพระเจ้าแล้วหละ

 

ยากอบ 1:19

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

การเป็นแบบอย่างที่ดี

 

การเป็นแบบอย่างที่ดี

 

24 เมษายน 2024

ทิโทธี 4:11-16

11จงสั่งและสอนสิ่งเหล่านี้

12อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและความประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

         13จงใฝ่ใจในการอ่านพระคัมภีร์ในที่ประชุม ในการเทศนาและในการสั่งสอนจนกว่าเราจะมา

         14อย่าละเลยความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่าน ซึ่งได้ทรงประทานแก่ท่านตามคำพยากรณ์ เมื่อคณะผู้ปกครองได้เอามือวางบนท่าน

         15จงปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ โดยถือเป็นชีวิตจิตใจ เพื่อความเจริญของท่านจะได้ปรากฏแก่คนทั้งปวง

          16จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน จงยึดข้อที่กล่าวนี้ให้มั่น เพราะเมื่อกระทำดังนั้น ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้

 

เช้านี้ ข้าพเจ้าตั้งหัวข้อที่ชื่อว่า การเป็นแบบอย่างที่ดี 

การเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย คนเราแต่ละคนก็มีบทบาทหน้าที่ในตัวเราเองในแต่ละวันหลายบทบาทเช่นกัน เช่นในครอบครัวบางคนก็เป็น พ่อ แม่ เป็น พี่ เป็นน้อง ในที่ทำงานก็อาจเป็นทั้งหัวหน้า ลูกน้อง เป็นเพื่อน ซึ่งแบบอย่างในแต่ละบทบาทมีความสำคัญ เพราะบางบทบาทนั้นก็จะมีผู้ที่ต้องการยึดเราแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตของเขา โดยเฉพาะการเป็น พ่อ แม่ ซึ่งการสอน และแสดงออกให้ลูกๆ ได้เห็นอย่างไร ลูกๆ ก็อาจจะประพฤติตามและแสดงออกแบบเดียวกันเช่นนั้น  โดยเฉพาะการเป็นแบบอย่างในชีวิตคริสเตียนก็เช่นกัน การกระทำ และคำพูดของเราในการใช้ชีวิตประจำวันนั้นเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนรอบข้างบ้างหรือไม่ ซึ่งในพระคัมภีร์ข้างต้นก็ได้บอกเราว่า ...จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและความประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

ในพระธรรม 1ทิโมธี นั้น ผู้เขียนคือ อาจารย์เปาโล ได้เขียนถึง ทิโมธี เพื่อเป็นกำลังใจ และเป็นการสั่งสอน ซึ่งในขณะนั้นทิโมธีเผชิญกับความกดดัน ความขัดแย้งต่างๆ ซึ่งทิโมธีเป็นศิษยาภิบาลหนุ่ม เขาต้องทำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า ซึ่งได้ดูถูกดูแคลนเขา ให้พวกเขาเหล่านั้นเชื่อถือในตัวเขาในด้านความประพฤติ ให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคำสอน การดำเนินชีวิต ความรัก ความเชื่อ ความบริสุทธิ์ สำหรับในวันนี้ พระธรรมข้างต้นนี้ ก็ได้เตือนใจเราว่า ไม่ว่าเราจะอายุมาก หรือน้อย แค่ไหน จงใช้ชีวิตในแบบอย่างที่ผู้อื่นจะได้เห็นพระคริสต์ในชีวิตของเรา

   

 ซึ่งในเช้านี้ ข้าพเจ้าอยากเชิญชวนพี่น้องมาใคร่ครวญร่วมกันใน

 ทิโทธี 4:12

          อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและความประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

 

ในพระคัมภีร์ข้อนี้ก็ได้บอกกับเราว่า จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ซึ่งได้กล่าวถึงแบบอย่างใน 5 ประการ คือ

               1. แบบอย่างในทางด้านวาจา หรือคำพูด

               2. แบบอย่างในความประพฤติ

               3. แบบอย่างในความรัก

               4. แบบอย่างในความเชื่อ

               5. แบบอย่างในความบริสุทธิ์

  

 

1. แบบอย่างในด้านวาจา หรือคำพูด

 ยากอบ 3:9 – 10

เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์ คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกัน ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้าไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น

                   ใน ยากอบ 3:9-10 ว่าด้วยเรื่องของลิ้น เราสรรเสริญพระเจ้าด้วยลิ้นนี้ แต่ก็กลับใช้ลิ้นเดียวกันนี้ พูดกับเพื่อนมนุษย์ ในทางตรงกันข้าม ควรหลีกเลี่ยงคำพูดแง่ลบ พูดโกหก พูดด้วยอารมณ์โมโห พูดให้ร้ายผู้อื่น แต่ควรพูดในทางเสริมสร้างกันและกัน ให้กำลังใจกันจะดีกว่า

 

2. แบบอย่างในความประพฤติ

 ยากอบ 3:13

ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพ ประกอบด้วยปัญญา

แบบอย่างที่ดีในชีวิต ไม่เพียงแต่เป็นการสอนเท่านั้น แบบอย่างที่ดีคือแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีตามพระวจนะของพระเจ้า


3. แบบอย่างในความรัก 

ยอห์น 15:13

ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน

และใน ยอห์น 15:17 สิ่งที่เราสั่งท่านทั้งหลายไว้ก็คือ ท่านจงรักกันและกัน

 

พระวจนะของพระเจ้า ให้เรารักซึ่งกันและกัน เหมือนที่พระเยซูคริสต์ทรงรักเรา และพระองค์ทรงรักเรามากพอจนตายแทนเราได้ เราอาจจะไม่ต้องตายแทนใครได้แต่เราสามารถแสดงความรักที่เสียสละของเราแก่คนอื่นๆ ได้ โดยการรับฟัง การให้กำลังใจ ช่วยเหลือตามกำลัง

 

4. แบบอย่างในความเชื่อ

          ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ หลายครั้งรอบๆ ตัวเราก็อาจมีความท้าทาย จากหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ทำให้ความเชื่อเราถดถอยได้ เราจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า อาจมีใครบางคนต้องการให้เราเป็นแสงสว่างส่องนำทางเขาก็ได้

William J. Toms ได้กล่าวไว้ว่า จงระวังวิถีที่คุณดำเนินชีวิต เพราะว่าคุณอาจจะเป็นพระคัมภีร์เล่มเดียวที่คนบางคนได้อ่าน (ในชีวิตของเขา)

 

5. แบบอย่างในความบริสุทธิ์

             เราต้องสะอาดทั้งร่างกาย ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณ

 โครินธ์ 6:19-20

ท่านไม่รู้หรือว่าร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง

          พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้ด้วยราคาสูง เหตุฉะนั้น ท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่านเถิด

 

พระเยซูคริสต์ได้ซื้อเรามาด้วยความรัก โดยสละชีวิตเพื่อเป็นค่าไถ่ในความบาปของเรา เพื่อให้เรารอด เราจึงต้องดูแลชีวิตของเราที่ได้ถูกซื้อมาในราคาสูง คือถูกซื้อจากชีวิตของพระองค์

วันนี้เราจะเป็นแบบอย่างที่ดีในชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า ทั้ง 5 ด้านนี้ เราอาจจะทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางวันก็ทำได้ บางวันก็รู้สึกอารมณ์มันไม่ให้ เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ เราจำเป็นที่จะต้องพึ่งพระเจ้า  เราจะอธิษฐานทูลขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราเป็นแบบอย่างที่ดีตามพระคัมภีร์


ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ