วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

การจัดเวลาเพื่อพัก

21 กุมภาพันธ์ 2024

การจัดเวลาเพื่อพัก

 

หลายครั้งที่เราสะสมความเหนื่อยล้า จนอาจจะไม่อยากทำอะไร ข้าพเจ้านึกถึงบทใคร่ครวญประจำวันใน  YouVersion Application เรื่องการจัดเวลาเพื่อพัก ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยสรุปไว้ วันนี้จึงขอนำมาหนุนใจ เป็นข้อคิด ใคร่ครวญร่วมกัน

สรุปจากบทใคร่ครวญประจำวัน เรื่อง การจัดเวลาเพื่อพัก ใน YouVersion Application

การพักคืออะไร ?

ดูเหมือนว่าตารางชีวิตของเราดูเหมือนจะแน่นขึ้นทุกวัน ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีที่มนุษย์ประดิษฐ์หรือสร้างขึ้น จะนำมาช่วยให้หลายๆ อย่างดูเหมือนง่ายขึ้น แต่สุดท้ายแล้วเหมือนกับว่าเราได้นำหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเครียดติดตัวไปตลอดเวลา จนดูเหมือนว่าจะมีแต่แน่นขึ้นในแต่ละวัน แต่ละเดือน เมื่อเราพยายามหาเวลาเจอเพื่อนๆ เราต้องตกใจเมื่อพบว่ากว่าจะว่างอีกทีก็ต้องเดือนหน้า หรือบางทีก็ปีหน้าไปแล้ว ชีวิตเต็มไปการงาน กิจกรรมต่างๆ มากมาย เราวางโปรแกรมและกำหนดแผนชีวิตทั้งหมดโดยไม่ได้เว้นที่ว่างให้กับอะไรที่จะช่วยฟื้นคืนกำลังหรือหยุดพักเลย

บ่อยครั้งที่เรามักคิดว่าการพักคือการทำตัวเกียจคร้านหรือการนอนเล่นอยู่บ้านโดยไม่ทำอะไรเลย จริง ๆ แล้วช่วงเวลาพักผ่อนของเราส่วนหนึ่งก็เป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด

1.    การพักคือการฟื้นตัว

     คือการตระหนักรู้ว่าเมื่อไหร่เรากำลังเหือดแห้ง หมดพลัง และต้องการสูดหายใจลึกๆ สักพัก คือการตระหนักถึงข้อจำกัดของตัวเอง และวิธีที่เรารับมือกับภารกิจประจำวันต่าง ๆ ร่างกายของเราจะฟื้นตัวได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเราได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์เพียงพอ ซึ่งหมายถึงการนอนหลับให้สนิทในตอนกลางคืน หากเรารู้สึกอ่อนเพลียอยู่เป็นประจำก็ควรประเมินดูว่านอกจากชั่วโมงการนอนแล้ว เราเลือกนอนในช่วงเวลาที่ถูกต้องด้วยหรือไม่

2.    การพักคือการปลุกความสดชื่น

     คือการเรียนรู้ว่าอะไรทำให้เรากระชุ่มกระชวยและอะไรทำให้เราห่อเหี่ยว คือการเลือกทำกิจกรรมที่ปลุกจิตวิญญาณให้สดชื่น ซึ่งอาจเป็นการนิ่งสงบก็ได้เช่นกัน หากเราทำแต่กิจกรรมที่ดูดพลัง ความสดชื่นก็ไม่มีทางกลับมา ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราควรมองหาสิ่งที่เติมพลังมากว่า หากเปรียบความสดชื่นเป็นถังหนึ่งใบ ในช่วงเวลาของการพักเราควรเลือกการเติมถังนี้ให้เต็ม มากกว่าการสูบออกจากถังจนหมด

3.    การพักคือการสร้างใหม่

คือการรับการเปลี่ยนแปลงใหม่จากเบื้องลึกในทุก ๆ ส่วนของชีวิต คือการใช้เวลากับพระเจ้าเพื่อให้จิตวิญญาณของเราได้รับการสร้างใหม่ อาจมีกิจกรรมที่เราชอบหลายอย่างที่ทำให้จิตใจสดชื่นได้ แต่ท้ายที่สุดเราต้องการสดชื่นในระดับจิตวิญญาณ ซึ่งพบได้จากการใช้เวลากับพระเจ้าในแต่ละวัน

 

จัดเวลาเพื่อพักอย่างไร

1.    ใคร่ครวญ

     การใคร่ครวญพระคำของพระเจ้า ริค วอร์เรน ได้กล่าวไว้ว่า เชื่อไหมครับ ถ้าเรากังวลเป็น เราก็จะรู้แล้วว่าจะใคร่ครวญพระคำได้อย่างไร การกังวลคือการจดจ่อไปที่ความคิดลบและนึกถึงมันซ้ำไปซ้ำมา แต่หากเราเปลี่ยนเป็นจดจ่อที่พระคำพระเจ้าสักตอนหนึ่งและคิดถึงมันซ้ำไปซ้ำมา นั่นแหละคือการใคร่ครวญ

     พระคัมภีร์กล่าวถึงการใคร่ครวญไว้มากกว่า 20 ครั้ง และได้เรียกให้เราใคร่ครวญพระคำของพระเจ้า การฝึกใคร่ครวญพระคำเป็นประจำทุกวันมีประโยชน์อย่างยิ่งเพราะช่วยให้เราได้พักทั้งความคิดและอารมณ์ ความรู้สึก และยังช่วยให้จิตวิญญาณเติบโต

     ในขณะที่เราใช้เวลาอ่านพระคัมภีร์ในแต่ละวัน ให้เรามองให้ลึกเข้าไปในเนื้อหาและสนทนากับพระเจ้าในเรื่องนั้น ๆ เพื่อช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น

     ขณะที่เราใคร่ครวญพระคำของพระเจ้า จิตใจของเราจะได้รับการฟื้นฟูและเราจะพบกับการพักสงบที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ ใน มัทธิว 11:28-30 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา แต่ละคนอาจได้รับเสียง ความรู้สึกที่เกิดภายในจิตวิญญาณที่ต่างกัน แต่สิ่งที่ได้รับเหมือนกันคือสันติสุข และคำตอบ

2.    ฟื้นฟูจิตใจด้วยการจดบันทึก

เราครุ่นคิดถึงอะไรสิ่งนั้นก็จะเติบโต อย่าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราเผชิญอยู่ จงจดจ่อไปที่สิ่งที่เรากำลังจะทำ - ดร. แคโรไลน์ ลีฟ

     การจดบันทึกประจำวันช่วยให้เราสามารถมองย้อนกลับไปเพื่อดูความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณที่เราได้ทำและวิธีการใหม่ๆ ที่พระเจ้าทรงตรัสกับเราในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งการจดบันทึกที่ในบทใคร่ควรญนี้ได้แนะนำคือ ทำแบบง่ายๆ เขียนเพียงสองสามบรรทัดจากความเข้าใจที่เราอ่านพระคัมภีร์ จากความคิด หรือคำอธิษฐานของเรา โดยที่ได้เลือกข้อพระคัมภีร์ อ่านซ้ำ เขียนลงไป ทูลขอความเข้าใจ การเขียนไม่ได้มีผิดมีถูก การเขียนทำให้เราสามารถย้อนกลับไปดูความก้าวหน้าทางด้านจิตวิญญาณของเราได้

     เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจน และมีมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับวิธีที่พระวจนะของพระเจ้าประยุกต์ใช้กับชีวิตของเรา และฟื้นฟูเราจากภายในสู่ภายนอก และเมื่อจิตใจของเราได้รับการฟื้นฟูแล้ว เราจึงได้รับการฟักผ่อนที่ไม่สามารถหาได้จากที่ใด ๆ ทางโลก

3.    ตัดขาดจากสิ่งรบกวน

     หนึ่งในคำนิยามของการพักก็คือ การเป็นอิสระจากการกังวลและการรบกวน ชีวิตในโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่พร้อมจะรบกวนการพักของเราและทำให้เรากังวล สิ่งเหล่านี้อาจจะน่าสนุกชั่วคราว และมองเผิน ๆ ก็เหมือนจะทำให้เราสดชื่นได้ แต่ในท้ายที่สุดเรากลับหมดพลังและไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

     เราต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่รบกวนเรา ไม่ว่าอะไรจะเป็นปัจจัยที่ขโมยสันติสุขและการพักผ่อนไปจากเราก็ตาม เราจำเป็นต้องกำหนดขอบเขต เช่น ไม่จดจ่อกับสิ่งที่ไขว้เขวไปตามความกังวลที่โลกหยิบยื่นให้

4.    เติมเต็มเพื่อเทออก

     เหตุผลที่เราจำเป็นต้องพักก็เพราะเราต้องทำงานหรือใช้พลังงานอยู่เสมอ และการที่เราเรียนรู้ที่จะพัก หรือการที่เรารู้สึกว่าได้พัก ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่ในสภาวะนั้นไปได้ตลอด

     ประเด็นสำคัญไม่ใช่การหยุดพักเพียงเพื่อให้ได้พัก แต่การพักเป็นไปเพื่อให้เรากลับไปทำงานต่อได้ การทำงานและการพักผ่อนเป็นเหมือนกระแสน้ำที่ผลัดกันขึ้นลง เป็นภาพของการรับการเติมให้เต็มเพื่อจะมีพอให้เทออก

     การใคร่ครวญพระคำพระเจ้า ตัดขาดสิ่งรบกวนต่าง ๆ หากเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ทุกวันเราก็ย่อมได้พัก ร่างกายต้องการนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละคืนอย่างไร จิตวิญญาณก็ต้องการพักผ่อนไม่ต่างกัน เราคาดหวังให้จิตวิญญาณเข้มแข็ง สดชื่น โดยไม่ลงทุนอะไรเลยไม่ได้ เราไม่ควรคาดว่าการพักร้อนแค่หนึ่งสัปดาห์จะช่วยเราทำงานไม่หยุดไปได้เป็นเดือนๆ เราต้องเติมถังแห่งการพักเป็นประจำทุกวัน เพื่อจะมีแรงยืนหยัด และเราต้องคอยระวังเมื่อใดที่ถังของเราถูกสูบออกมากจนเกินไป

     ในหนังสือ นำอย่างว่างเปล่า: เติมเต็มถัง คืนพลังให้ฝัน เวย์น คอร์เดย์โร ผู้เขียนซึ่งเป็นศิษยาภิบาลได้เล่าถึงเรื่องที่เขาเคยฝันว่า หญิงสวนคนหนึ่งมาหาชาวสวนที่ฟาร์มและขอซื้อของที่ชาวสวนไม่มีให้ ชาวสวนกล่าวว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ เดี๋ยวผมจะมีมากกว่านี้หญิงสาวคนนั้นไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ชาวสวนทำงานของเขาต่อไป ทุก ๆ วันจะมีคนมาหาเขาที่ฟาร์ม และเมื่อใดที่เขาไม่มีไข่หรือนมเหลือ เขาก็จะเพียงบอกคนเหล่านั้นว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ เดี๋ยวผมจะมีมากกว่านี้ศิษยาภิบาลคอร์เดย์โรเล่าถึงมุมมองใหม่ที่เขาค้นพบหลังจากความฝันนี้ว่า

     ผมไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปผูกกับวงจรความคาดหวังที่เกินจริงและใจร้ายใจดำ ที่บอกให้ผมต้องผลิตให้มากขึ้น ทำให้มากขึ้น หรือต้องได้มากกว่าสัปดาห์ก่อน ในหนึ่งวันผมก็มีเวลาอยู่เท่านั้น และผมอยากจะทุ่มเทใจทั้งหมดให้กับสิ่งที่ผมเลือกทำ เมื่อหมดวัน ผมก็จะแค่บอกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ เดี๋ยวผมจะมีมากกว่านี้

     ทุก ๆ เช้า เราตื่นขึ้นพร้อมกับพลังความคิด อารมณ์ และร่างกายในระดับหนึ่ง และเมื่อเราเททุกสิ่งที่เรามีออกไปจนหมด เราก็ต้องพัก ซึ่งการที่เราอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเช่นนี้ยังทำให้พระเจ้าทำงานในชีวิตเราได้มากขึ้นอีกด้วย

 

โยชูวา 1:8

อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างเหินไปจากปากของเจ้า แต่เจ้าจงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้น ทุกประการ แล้วเจ้าจะมีความจำเริญ และเจ้าจะสำเร็จผลเป็นอย่างดี


ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณบทความดีๆ ที่ได้นำมาแบ่งปันในครั้งนี้