วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2567

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ

 

18 มกราคม 2024

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ

 

ปฐมกาล 2:7

          พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต

 

เยเรมีย์ 18 : 1-12

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ

พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้ายังเยเรมีย์ว่า “จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” ข้าพเจ้าจึงลงไปที่บ้านของช่างหม้อ และเขากำลังทำงานอยู่ที่แป้นเวียน และภาชนะซึ่งทำด้วยดินก็เสียอยู่ในมือของช่างหม้อ เขาจึงปั้นใหม่ให้เป็นภาชนะอีกลูกหนึ่งตามที่ ช่างหม้อเห็นว่าควรทำ  แล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า “ประชาอิสราเอลเอ๋ย เราจะกระทำแก่เจ้าอย่างที่ช่างหม้อนี้กระทำไม่ได้หรือ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ดูเถิด ประชาอิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเรา อย่างดินเหนียวอยู่ในมือของช่างหม้อ ถ้าเวลาใดก็ตามเราประกาศ เกี่ยวกับประชาชาติหนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะถอนและพังและทำลายมันเสีย และถ้าประชาชาตินั้น ซึ่งเราได้ลั่นวาจาไว้เกี่ยวข้องด้วย หันเสียจากความชั่วของตน เราก็จักกลับใจจากโทษ ซึ่งเราได้ตั้งใจจะกระทำแก่ชาตินั้นเสีย และถ้าเวลาใดก็ตาม เราได้ประกาศเกี่ยวกับประชาชาติ หนึ่งหรือราชอาณาจักรหนึ่งว่า เราจะสร้างขึ้นและปลูกฝังไว้ และชาตินั้นได้กระทำชั่วในสายตาของเรา ไม่ฟังเสียงของเรา เราก็จะกลับใจจากความดีซึ่งเราตั้งใจ จะกระทำกับชาตินั้นเสีย 11เพราะฉะนั้น คราวนี้จึงกล่าวกับคนยูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เรากำลังก่อสิ่งร้ายไว้สู้เจ้า และคิดแผนงานอย่างหนึ่งไว้สู้เจ้า ทุก ๆ คนจงกลับเสียจากทางชั่วของตน และจงซ่อมทางและการกระทำของเจ้าทั้งหลายเสีย’  12“แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า ‘เหลวไหล เราจะดำเนินตามแผนงานของเราเอง และต่างจะกระทำตามความดื้อดึงแห่งจิตใจชั่วของตนทุกคน’

            พระเจ้าได้สั่งให้เยเรมีย์ไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เพื่อจะสอนบทเรียนแก่คนยูดา เราจะเห็นว่า การปั้นหม้อของช่างปั้นหม้อนั้น ช่างปั้นจะใช้ดินเหนียว เวลาที่ช่างปั้นหม้อจะปั้นก็จะต้องมีแบบในใจอยู่แล้ว ก่อนที่จะลงมือปั้น และมีสิทธิที่จะปั้นตามใจชอบของช่างปั้นหม้อ ในขณะที่ปั้นนั้นหากรูปแบบภาชนะนั้นเสียไป ช่างปั้นหม้อก็จะมีสิทธิที่จะทิ้ง หรือขึ้นรูปภาชนะใหม่ได้ ซึ่งพระวจนะบอกเราว่ามนุษย์เหมือนดินเหนียวในพระหัตถ์ของพระเจ้า ชนชาติอิสราเอลก็เป็นดินเหนียวในพระหัตถ์ของพระเจ้าเช่นกัน พระเจ้าปั้นชีวิตของชาวอิสราเอล หรือชีวิตเรา และได้ตั้งพันธสัญญากับชนชาติอิสราเอลว่า เขาต้องมีพระเจ้าเป็นหนึ่ง และต้องเป็นชนชาติของพระเจ้าเท่านั้น แต่ชนชาติอิสราเอลปฏิเสธพระเจ้า เขาเป็นเหมือนดินเหนียวที่ไม่ยอมให้พระเจ้าปั้น เมื่อไม่ยอมให้พระเจ้าปั้นมันจึงเสียไป เยเรมีย์ได้บอกกับชนชาติอิสราเอลว่า เมื่อเขาไม่ยอมให้พระเจ้าปั้น พระเจ้ามีสิทธิปั้นภาชนะใบใหม่ คือการเลือกชนชาติอื่น พระเจ้าให้โอกาสคนอิสราเอลกลับใจใหม่หลายครั้ง และหากเขากลับมาหาพระเจ้าและให้พระเจ้าเป็นหนึ่ง พระเจ้าก็จะยกโทษให้ จากในข้อ 11 11เพราะฉะนั้น คราวนี้จึงกล่าวกับคนยูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เรากำลังก่อสิ่งร้ายไว้สู้เจ้า และคิดแผนงานอย่างหนึ่งไว้สู้เจ้า ทุก ๆ คนจงกลับเสียจากทางชั่วของตน และจงซ่อมทางและการกระทำของเจ้าทั้งหลายเสีย’  แต่คนยูดาห์ไม่ยอมกลับใจใหม่ ดังในข้อ 1212“แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า ‘เหลวไหล เราจะดำเนินตามแผนงานของเราเอง และต่างจะกระทำตามความดื้อดึงแห่งจิตใจชั่วของตนทุกคน’   เมื่อพระเจ้าให้โอกาสแต่เขาปฏิเสธ โอกาสนั้นก็หมดลง ท้ายที่สุดชนชาติก็แตกสลาย

ในหลายครั้งเราก็เหมือนกับชนชาติอิสราเอล ที่ไม่ยอมให้ผู้ปั้นปั้นชีวิตเรา เราพยายามพึ่งพาตัวเอง และคิดว่าจะปั้นแต่งตัวเองขึ้นมาได้ แต่ความจริงแล้ว เราเป็นดินเหนียวในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราต้องยอมให้ผู้ปั้นเป็นผู้ปั้นแต่งชีวิตเรา เราจะกลายเป็นภาชนะที่สวยงาม แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะกว่าจะเป็นภาชนะที่สวยงาม เราต้องถูกปั้น ถูกเจียร์ ยิ่งหากผู้ปั้นต้องการลวดลายที่สวยงาม ก็จะยิ่งใช้แรงบีบอัด และใช้สันแข็งๆ มาทำเป็นลวดลาย หากดินนั้นแข็งก็จะยิ่งปั้นยาก คือหากเราเป็นดินที่แข็งผู้ปั้นก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น (ดินที่แข็งเกิดด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง เช่น ชนิดของดินที่ไม่ค่อยดีนัก หรือการไม่ยอมให้ช่างปั้นปั้นแต่โดยดี ต้องใช้เวลานานจนกระทั่งดินแข็ง ซึ่งดินที่แข็งก็เปรียบเหมือนคนที่มีใจแข็งกระด้าง เมื่อได้ยินได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า ก็ไม่ได้ซึมซับลงในจิตใจ ไม่ตอบสนองต่อพระวจนะนั้น อย่าให้ใจของเราดื้อรั้น  เพื่อใจของเราจะไม่แข็งกระด้างไปเป็นดั่งดินที่แข็ง)

ในฐานะที่เราเป็นดินเหนียวในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราต้องยอมจำนน ให้พระเจ้าเป็นหนึ่ง เชื่อและวางใจว่าพระเจ้าเป็นช่างปั้นที่วิเศษที่สุด เป็นผู้ที่จะปั้นชีวิตเราให้สวยงามและใช้การได้ และต้องรู้ว่า เราไม่สามารถที่จะพึ่งพาตัวเองได้แม้การต้องยอมจำนน เราก็ต้องอธิษฐานขอจากพระเจ้าให้เรามีใจถ่อม ยอมจำนน บางครั้งพระเจ้าอาจกำลังเจียระไนชีวิตเรา ซึ่งหลายครั้งอาจเกิดความเจ็บปวดจากแรงกด แรงบีบอัด อาจมีหินติดเข้ามาในดินเหนียวที่กำลังขึ้นรูปอย่างสวยงาม ก็เกิดเสียรูปไป ผู้ปั้นต้องหยิบหรือแกะหินนั้นออก ภาชนะที่กำลังจะสวยก็เสียไป ต้องผสมดินและปั้นกันใหม่ จึงทำให้ระยะเวลานั้นแสนยาวนาน ทำให้เราหลงทางและหันกลับไปพึ่งพาตนเองหรือสิ่งอื่น (หินที่ติดมาในดินเหนียวเปรียบเสมือนหินที่เราต้องสะดุดในแต่ละวัน จากหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวซึ่งเราต้องเอาออก อย่าปล่อยเอาไว้จนเราเหยียบแล้วเจ็บ หรือสะดุดอยู่ตลอดเวลา)

ขอให้เราเชื่อและวางใจผู้ปั้นที่วิเศษผู้นี้ ยอมจำนนให้ผู้ปั้นปั้นเราตามที่ชอบพอพระทัย เป็นภาชนะที่สวยงามและใช้การได้เร็ววันขึ้น  โดยพระคุณพระเจ้านั้น พระองค์ไม่เคยล้มเลิกที่จะสร้างเราต่อจนกว่าจะได้แบบที่พระองค์พอพระทัย ถึงแม้ว่าเราจะดื้อดึงก็ตาม

 

ขอเรายอมให้พระองค์ปั้นเราให้เป็นภาชนะที่ทั้งสวยงาม และใช้การได้

 

 

ขอบคุณพระเจ้า

ขอบคุณผู้แบ่งปันให้ความรู้ในพระวจนะของพระเจ้าทำให้มีโอกาสนำมาแบ่งปันเป็นพระพรต่อๆ ไป