7
มิถุนายน 2023
ชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
ทุกวันนี้การโพสต์ข้อมูลต่างๆ
ในสื่อออนไลน์จะมีความอิสระกันมาก ไม่มีการกรองข้อมูลก่อนการอนุญาตขึ้นสื่อออนไลน์
เราจะได้ยินทั้งคำพูด การอ่าน การเห็นข้อมูล ต่างๆ มากมาย ทั้งที่ดี มีสาระ
มีประโยชน์ และที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ จนทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจ หวาดกลัว
เช่นได้ยินเค้าทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งภัยพิบัติ
ทั้งเศรษฐกิจจะตกต่ำ ต่างๆ นาๆ ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต อะไรก็ตามที่เราหมกมุ่นให้เวลากับมัน
และยอมให้ผ่านเข้ามาในจิตใจของเราโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ดีว่าควรจะรับไว้หรือไม่คือเรารับไว้หมด
สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็จะถูกบรรจุไว้ในจิตใจของเราเอง สิ่งที่ไม่ดีงามหากเราอินไปกับมันเราก็จะกลัว
เราจำเป็นที่จะต้องสร้างที่ป้องกันขึ้นเหนือหัวใจของเรา และไม่อนุญาตให้จิตใจ จิตวิญญาณของเรารับเอาข้อมูลที่ไม่ดีที่มาถึงเราโดยสังคมในโลกนี้
เราต้องปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลหรือถูกควบคุมโดยทุกสิ่งที่เราได้ยิน รู้สึก
หรือมองเห็น ซึ่งไม่สอดคล้องกับถ้อยคำของพระเจ้า เพราะมันจะบรรจุเข้ามาในจิตใจเราแทนถ้อยคำของพระเจ้า
นี่คือเหตุผลที่เราจะต้องกลั่นกรองความคิดของเรา และสร้างเกราะกำบังขึ้นเหนือหัวใจของเรา
เค้ามักจะกล่าวกันว่าหากเราคิดอะไรในวันนี้ วันข้างหน้าเราก็จะเป็นเช่นนั้นแหละ
เพราะว่าชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
ดังพระธรรม
สุภาษิต 4:23 ได้กล่าวว่า
"จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ”
อย่าสนับสนุนความคิดที่ผิด
ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะทำให้เกิดความกลัวขึ้นในจิตใจของเรา
เราต้องใช้ถ้อยคำของพระเจ้าเป็นเครื่องกรองในการหยุดความคิดแบบผิดๆ นั้น เฝ้าระวังหัวใจของเรา
เพราะชีวิตของเราในวันนี้คือผลลัพธ์โดยตรงของความคิดและคำพูดของเราที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถ้อยคำของพระเจ้าถึงบอกให้เราเปลี่ยนแปลงจิตใจ
ในพระธรรม โรม 12:2 ได้กล่าวว่า
“อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ
แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า
จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:2)
การเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยสิ่งที่เราคิด
จงปฏิเสธความคิดในความกลัว ความเจ็บป่วย ความขาดแคลน ความเศร้าโศก และความล้มเหลว เราต้องรับเอาความคิดแห่งความสำเร็จ
ชัยชนะ สุขภาพที่ดี ความรุ่งเรือง ความสุข และความเติมเต็มที่มาจากพระคำของพระเจ้า
พระเจ้าทรงสนพระทัยที่จะเปลี่ยนจิตใจของเรามากกว่าการเปลี่ยนสถานการณ์รอบๆ ตัวเราพระเจ้าต้องการทำงานในตัวเราก่อน
เพราะการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นในชีวิตของเราจนกว่าเราจะเปลี่ยนความคิด
จิตใจเสียใหม่ หรือจนกว่าความคิดของเราจะเริ่มเปลี่ยนไป
นิทานข้อคิดเล็กๆ
น้อยๆ (นำมาจาก นิทานสร้างแนวคิดสู่ความสำเร็จ - hanyuban )
ครั้งหนึ่งมีกบฝูงหนึ่ง
ได้มาร่วมกันจัดการแข่งขันเพื่อปีนขึ้นไปบนยอดเสาไฟฟ้า
กลุ่มชนชาวกบมากมายมารอชมและเชียร์การแข่งขันครั้งนี้ เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น
พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีกบตัวใดเชื่อว่าเจ้ากบตัวเล็กๆ
เหล่านั้นจะปีนขึ้นไปถึงยอดเสาได้ จึงมีเสียงพูดลอยๆ มาให้ได้ยินว่า “ไม่มีทางขึ้นไปถึงยอดได้หรอกมันยากลำบากขนาดนั้น” หรือ
“ไม่มีโอกาสจะสำเร็จหรอกเสามันสูงขนาดนั้น” แล้วเจ้ากบตัวน้อยๆ เหล่านั้นก็เริ่มร่วงหล่นลงมาทีละตัวๆ
กบบางตัวส่งเสียงตะโกนว่า “มันยากเกินไป ไม่มีใครทำได้หรอก”
กบส่วนใหญ่เริ่มเหนื่อยและยอมแพ้
แต่มีกบตัวหนึ่งยังคงปีนอย่างมุ่งมั่น สูงขึ้นและสูงขึ้น
เจ้าตัวนี้ไม่มีท่าว่าจะยอมแพ้ และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขั้น กบตัวอื่นๆ
ต่างยอมแพ้หมดยกเว้นกบตัวนั้น ด้วยความพยายามสุดกำลัง
มันสามารถปีนขึ้นสู่ยอดเสาได้สำเร็จ
กบทุกตัวสงสัยว่าเจ้ากบตัวเล็กนี้มีพลังในการปีนขึ้นสู่ยอดเสาอันเป็นเป้าหมายจนประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
เรื่องกลับกลายเป็นว่า แท้จริงแล้วเจ้ากบตัวที่ชนะนั้น หูหนวก
ดังนั้น เมื่อเวลาจะทำงานใดๆให้ประสบความสำเร็จ
บ่อยครั้งเราอาจต้องเป็นเหมือนกบตัวนั้นนั่นคือ ต้องทำตัวเป็นคนหูหนวกเสียบ้าง มีการคิดเชิงบวก
ความฝันทั้งหลายที่เรามี เราสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลัง
และด้วยการให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอ จงบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า “ฉันทำได้” “ฉันจะทำให้สำเร็จ” ความสำเร็จก็จะเป็นของเรา
(
จากข้อความในเฟสบุ๊คของ คริสตจักรพระกรุณาธิคุณ วันที่ 5 กันยายน ค.ศ.2015 )
สาเหตุที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ในการจัดการกับจิตใจของเรามีอยู่ด้วยกัน
3 เหตุผลคือ
1.
เราต้องจัดการกับจิตใจของเรา
เพราะว่าความคิดนั้นควบคุมชีวิตของเรา
จากพระธรรม สุภาษิต 4:23
กล่าวว่า "จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ" ความคิดนั้นมีศักยภาพมหาศาลในการกำหนดชีวิตของเราให้ดีหรือเลวร้ายได้ เช่น
เราอาจจะยอมรับความคิดของบางคนที่ดูหมิ่นเราว่า "เราเป็นคนไร้ค่า ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ไม่มีวันได้ดี จะไปไหนรอด "
ถ้าเรายอมรับความคิดเช่นนี้แม้ว่ามันจะไม่จริงก็ตาม แต่มันก็มีอิทธิกำหนดชีวิตของเราแล้ว
เมื่อเราคิดว่าเราเป็นแบบที่คนอื่นเค้าว่ามา
คือนำเอาความคิดของผู้อื่นมาควบคุมความคิด ควบคุมชีวิตของเรา อนาคตก็หนีไม่พ้นจากคำที่เค้าสบประมาทเรา
2. เราต้องจัดการกับจิตใจของเรา
เพราะใจเป็นสมรภูมิแห่งความบาป
การทดลองทั้งหลายเกิดขึ้นในใจ อ.เปาโลกล่าวใน โรม 7: 22-23 ว่า "เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น
ข้าพเจ้าชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า
ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ข้าพเจ้าอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป
ซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า " เหตุผลหนึ่งว่าทำไมเราถึงมีการต่อสู้ภายในจิตใจ นั่นก็เพราะว่ามีสงครามในสมองของเราตลอดเวลา
จิตใจของเรานั้นคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด
และมารก็ต้องการฉวยสิ่งนี้ไปจากเรา
3. เราต้องจัดการกับจิตใจของเรา
เพราะมันเป็นกุญแจแห่งสันติสุขและความสุข
จิตใจที่ไม่ได้รับการจัดการนั้นจะนำไปสู่ความกดดัน
ส่วนจิตใจที่ได้รับการจัดการแล้วจะนำไปสู่ความสงบสุข จิตใจที่ไม่ได้รับการจัดการนั้นนำไปสู่ความขัดแย้ง
ส่วนจิตใจที่ได้รับการจัดการแล้วจะนำไปสู่ความมั่นใจ
จิตใจที่ไม่ได้รับการจัดการจะนำไปสู่ความตึงเครียด
เมื่อเราไม่พยายามที่จะควบคุมจิตใจและวิธีการคิดของเราเองแล้ว เราก็จะยิ่งมีแต่ความเครียดมากมายในชีวิต แต่จิตใจที่ได้รับการจัดการแล้วก็จะนำไปสู่ความมั่นคงและสันติสุข
ดังเช่นพระธรรม โรม 8:6
“ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย
และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข "
ชีวิตที่เกิดผลดีต้องมาจากจิตใจภายในที่ดี
ลูกา 6:45 ” คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน
และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น”
อย่ายอมให้จิตใจเราเป็นถังขยะที่จะรองรับสิ่งที่ใช้การไม่ได้ทิ้งลงมา แต่เป็นคลังเก็บสิ่งที่จริงสิ่งที่น่านับถือ
ดังพระธรรม ฟิลิปปี 4:8 “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย
ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม
สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งที่ล้ำเลิศ
สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู” หากเราเอาใจใส่เก็บสะสมสิ่งที่ดีไว้ในจิตใจของเรา
ชีวิตของเราจะเกิดผลดีอย่างแน่นอน จงอย่าห่างจากถ้อยคำของพระเจ้า
สดุดี 1:1-3
ความสุขเป็นของบุคคลผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม
หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย
แต่ความปิติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณข้อคิดดีๆ ที่ได้นำมาแบ่งปัน