22 กุมภาพันธ์ 2023
การยอมจำนนต่อพระเจ้าสำคัญกับชีวิตคริสเตียนอย่างไร
สุภาษิต 3:5-6
"จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า
อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า
และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น”
หากพูดถึงคำว่า ยอมจำนน ก็คงจะแปลว่ายอมแพ้ น่าจะเป็นคำที่ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่
เช่นเดียวกับคำว่า ยอมเชื่อฟัง เพราะเป็นคำที่แสดงถึงการพ่ายแพ้และไม่มีใครอยากเป็น
ผู้แพ้ คำว่ายอมจำนนทำให้เรานึกถึงภาพอันน่าเศร้าสลดหดหู่ของการยอมรับความพ่ายแพ้ในการสู้รบ
ถูกทำโทษในการเล่นเกมต่างๆ หรือยอมแพ้ต่อฝ่ายตรงข้ามที่เข้มแข็งกว่า หรือผู้ร้ายที่ถูกจับยอมจำนนต่อเจ้าหน้าที่
ซึ่งวัฒนธรรมในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันกันสูงมากๆ
เราถูกสอนไม่ให้ล้มเลิกหรือยอมแพ้ ดังนั้นเราไม่ค่อยได้ยินเกี่ยวกับการยอมจำนน
ถ้าการชนะคือทุกสิ่ง การยอมจำนนก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เราอยากจะพูดถึงชัยชนะ
การประสบความสำเร็จ การได้เปรียบ และการพิชิตมากกว่าจะพูดถึงการยอมแพ้
การยอมอยู่ในโอวาท การเชื่อฟัง และการยอมจำนน
วันนี้ข้าพเจ้าขอนำพระธรรม ปฐมกาล 22:1-14 มาใคร่ครวญ และเรียนรู้ร่วมกันในชีวิตของที่ยอมจำนนต่อพระเจ้าของอับราฮัม
ปฐมกาล 22:1-14 TH1971
1ต่อมาพระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม
และตรัสกับท่านว่า “อับราฮัม” ท่านทูลว่า “พระเจ้าข้า” 2พระองค์ตรัสว่า
“จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังแคว้นโมริยาห์
และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” 3อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด
ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่ม ไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน
ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชา เดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน 4พอถึงวันที่สามอับราฮัมเงยหน้าขึ้นแลเห็นที่นั้นแต่ไกล
5อับราฮัมจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่า “อยู่กับลาที่นี่เถิด
เรากับลูกจะเดินไปที่โน้นนมัสการพระ แล้วจะกลับมาพบเจ้า” 6อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชาย
ถือไฟและมีดแล้วพ่อลูกไปด้วยกัน 7อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า “คุณพ่อ”
และท่านตอบว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรรึ” ลูกจึงว่า “นี่ไฟและฟืน
แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน” 8อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย
พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับ พระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชา”
พ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน 9เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้
อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ
แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน 10แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย
11แต่ทูตของพระเจ้าเรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่า “อับราฮัม อับราฮัม”
และท่านตอบว่า “พระเจ้าข้า” 12ทูตสวรรค์ว่า
“อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรเขาเลย
เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า
แต่ยอมถวายบุตรชายคนเดียวของเจ้าให้เรา” 13อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู
เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ
อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้น มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชาย 14อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า
เยโฮวาห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า “จะจัดไว้บนภูเขาของพระเยโฮวาห์”
ในพระธรรมตอนนี้
เราได้เรียนรู้จากท่าทีของอับราฮัมในการทดสอบจากพระเจ้า ซึ่งเต็มไปด้วยการเชื่อฟัง
และเชื่อวางใจในพระเจ้า ในการเดินกับพระเจ้าเราเองก็ต้องเรียนรู้ในเรื่อง
การยอมจำนนและเชื่อฟังพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเรามากที่สุดคือการยอมจำนนกับพระเจ้า
และการยอมจำนนจากภายใน ด้วยหัวใจ ไม่ใช่การแสดงออกแต่เพียงภายนอก
ในพระธรรม 1 ซามูเอล 15:22 “และซามูเอลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามากเท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ
ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชา
และซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้”
มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่า เราจะสร้างโบสถ์ สร้างตึกใหญ่โต เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้านั้น
ก็ไม่สำคัญเท่ากับการยอมจำนนกับพระเจ้าก่อน การที่สามารถนำผู้คนมาเข้าโบสถ์มากมาย
เพื่อนมัสการพระเจ้า เรามาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ไม่เคยขาด แต่เมื่อกลับออกไปแล้วยังเป็นของโลกอยู่
ก็ถือว่าไม่ได้นมัสการด้วยหัวใจ เพราะหัวใจแห่งการนมัสการคือการยอมจำนน
ในพระธรรม ปฐมกาล 22:1-14 นี้มีขั้นตอน 3
ขั้นตอนที่เราจะเรียนรู้ได้จากอับราฮัมในการยอมจำนนต่อพระเจ้า
ขั้นตอนที่หนึ่ง ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความเข้าใจ
(1-2)
ปฐมกาล 22:1-2
-
ทำอย่างไรจึงจะรู้จักและเข้าใจในการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า
ปฐมกาล 15:6 “อับรามก็เชื่อพระเจ้า ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรม
แก่ท่าน” ในข้อนี้เราจะเห็นว่าอับราฮัมมีความเชื่อ
เรามักจะยุ่งวุ่นวายกับงาน
และให้ความสำคัญกับเสียงสั่งงานของเจ้านายมากกว่าการฟังเสียงจากพระเจ้า
ทำให้เราพลาดที่จะได้ยินเสียงของพระเจ้า เราต้องมีความพร้อมในการรับฟังพระสุรเสียงจากพระเจ้า
เมื่อเราได้ยินแล้วเราควรรีบตอบสนองทันที เพื่อพระเจ้าจะทรงนำหรือเปิดเผยขั้นตอนต่อๆไปได้
2พระองค์ตรัสว่า
“จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังแคว้นโมริยาห์
และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า”
จากพระธรรมนี้ เราจะสังเกตว่า การเปิดเผยของพระเจ้าจะมีความชัดเจนว่า
ให้นำใคร (อิสอัค) ไปที่ไหน (โมริยาห์) ไปทำอะไร (เผาเป็นเครื่องบูชาที่นั่น)
หากเรามีประสบการณ์จากพระเจ้าเราจะเห็นว่า
พระเจ้าไม่ได้ตรัสในแต่ละเรื่องกับเราจนจบในทีเดียว จะเป็นขั้นตอนไปทีละขั้นตอน
เหมือนดังที่ตรัสกับอับราฮัม เมื่อบอกขั้นตอนหนึ่งแล้ว ก็จะบอกขั้นตอนต่อไป
สิ่งที่เราเรียนรู้จากอับราฮัมคือ การเดินตามอย่างเชื่อฟัง อับราฮัมไม่ได้ถามพระเจ้าเลยว่า
“ทำไมต้องไปที่โมริยาห์? หรือทำไมต้องเป็นอิสอัค?” พระเจ้าไม่ได้บอกเหตุผลหรือผลสุดท้ายก่อน
เพราะต้องการสอนเราให้ใช้ความเชื่อ
แต่ก่อนที่จะเชื่อได้เราต้องเรียนรู้จักพระเจ้าก่อน
ขั้นตอนที่สอง
ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวพร้อม (ข้อ3-5)
*อับราฮัมได้เตรียมตัวท่านเองให้พร้อมใน
3 ด้านด้วยกันคือ
1. เตรียมพร้อมทางด้านกายภาพ (ข้อ 3) ท่านลงมือผูกอานลา
ตัดฟืนทำด้วยตนเอง ซึ่งเป็นงานหนักสำหรับชายอายุร้อยกว่าปีแล้ว แม้จะมีคนรับใช้
แสดงถึงความตั้งใจของอับราฮัมที่จะทำตามและใส่ใจในการเตรียมพร้อมด้วยตนเองของท่านเอง
2. เตรียมพร้อมทางด้านความคิด (ข้อ 4-5ก) ในระหว่างการเดินทาง อับราฮัมน่าจะมีโอกาสซักซ้อมความเข้าใจและอธิบาย
ให้ทั้งอิสอัคและคนรับใช้หนุ่มได้ฟังและทำความเข้าใจ
เพื่อทุกคนจะพร้อมและให้ความร่วมมืออย่างดี
3. เตรียมพร้อมทางด้านหัวใจหรือจิตใจ (ข้อ 5ข)
การได้เตรียมความเข้าใจจากขั้นตอนที่สอง จะนำมาซึ่งหัวใจที่เตรียมพร้อม เมื่อถึงเวลา
ทุกคนจะทำด้วยความเต็มใจและยอมจำนนไปกับสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้เราทำ ได้สำเร็จ
ขั้นตอนที่สาม ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วม
(ข้อ6-14)
การมีส่วนร่วม (ข้อ6) อับราฮัมเป็นผู้ลงมือ
และต้องการนมัสการพระเจ้าด้วยตัวท่านเอง
การนมัสการพระเจ้าไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้ ดังนั้น
ท่านจึงมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตัวท่านเอง
6อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชาย
ถือไฟและมีดแล้วพ่อลูกไปด้วยกัน
(ข้อ11-14) 11แต่ทูตของพระเจ้าเรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่า
“อับราฮัม อับราฮัม” และท่านตอบว่า “พระเจ้าข้า” 12ทูตสวรรค์ว่า
“อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรเขาเลย
เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า
แต่ยอมถวายบุตรชายคนเดียวของเจ้าให้เรา” 13อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู
เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ
อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้น มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชาย 14อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า
เยโฮวาห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า “จะจัดไว้บนภูเขาของพระเยโฮวาห์”
การที่อับราฮัมตั้งใจที่จะนมัสการพระเจ้าด้วยตัวท่านเอง
ด้วยท่าทีที่ยอมจำนน พระเจ้าได้ทรงทอดพระเนตรเห็น
การแสดงออกถึงความยำเกรงพระเจ้าอย่างสูงสุด
คือการยอมเชื่อฟังที่จะถวายลูกชายอันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของอับราฮัมเองแด่พระเจ้า
พระเจ้าจึงประทานสิ่งที่พระองค์จัดเตรียมไว้เป็นเครื่องเผาบูชาแทนอิสอัคแก่เขา
ความยำเกรงนำมาซึ่งการจัดเตรียมจากพระเจ้าเพื่อเรา เป็นของประทานจากพระเจ้า
โดยสิทธิอำนาจของพระองค์
การยอมจำนนต่อพระเจ้า ทำให้อับราฮัมได้รับจากพระเจ้าคือ 1.
ท่านได้รับการจัดเตรียมจากพระเจ้า 2. ท่านได้รับคำยกย่อง 3. ท่านได้รับพระสัญญา
ในชีวิตของเรา เรายอมจำนนอย่างสิ้นเชิงทั้งหัวใจ ความคิด และ การกระทำหรือไม่
คือการยอมจำนนในทุกสิ่งที่เป็นของเรามอบให้กับพระเจ้า
เมื่อเรามีท่าทีที่ยอมจำนนเหมือนอับราฮัม เราจะได้รับ การยกย่อง การจัดเตรียม
และพระสัญญาของพระเจ้า เหมือนท่านอับราฮัมเช่นกัน
ส่วนหนึ่งได้นำมาจากคำเทศนา ของ อาจารย์
ดร. เกรียรติศักดิ์ รุ่งรวีวรรณ
เรื่อง บนภูเขาแห่งการยอมจำนนบรรยายเมื่อ
24 January 2013
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณทุกๆ บทความ ที่ได้นำมาแบ่งปันเพื่อเป็นพระพร
ขอพระเจ้าอวยพระพร