25/11/2024
พระคุณของพระเจ้าก็เพียงพอแล้ว
สดุดี 23 1-4
“พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ
ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด
พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม
เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช
ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์
คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์”
กษัตริย์ดาวิด
ผู้ที่เคยเป็นผู้ดูแลฝูงแกะ เป็นผู้เขียนพระธรรมนี้
ได้บรรยายถึงพระเจ้าในฐานะผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งแกะต้องพึ่งพาผู้เลี้ยงทุกอย่าง แกะ...เป็นสัตว์อ่อนแอ...สายตาสั้น...เชื่องช้า ...สุขภาพไม่แข็งแรง... ต้องการหญ้าอ่อนสดเป็นอาหาร... ต้องการน้ำสะอาดใสเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ...ขี้ตกใจ ตื่นตูมมากกว่ากระต่าย แกะ...จะปลอดภัยก็ต่อเมื่อ
มีผู้เลี้ยงแกะอยู่ใกล้ๆ ในพันธสัญญาใหม่เรียกพระเยซูว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
องค์พระผู้เลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ และเป็นหัวหน้าของผู้เลี้ยงทั้งปวง
เมื่อเรารู้จักผู้เลี้ยงที่ดี เราก็ยิ่งควรติดตามพระองค์
ข่าวเมื่อประมาณปี 2005 ที่กรุงอีสตันบูล
ประเทศตุรกี แกะตัวหนึ่งกระโดดจากหน้าผา จากนั้นอีกเกือบ 1,500 ตัวก็กระโดดตามไป สุดท้ายตายไปประมาณกว่า 400 ตัว
แกะพวกนั้นไม่รู้ว่าจะไปทางไหน จึงตามตัวอื่นๆ ในฝูงไป
เรื่องเกี่ยวกับผู้มีอาชีพเลี้ยงแกะ
ที่ศิษยาภิบาลได้เชิญเพื่อมาให้แบ่งปันเกี่ยวอาชีพเลี้ยงแกะของเขาในโบสถ์แห่งหนึ่ง
นำมาจาก http://www.livingchurch.in.th/data/004_goodthing.html
ผมชื่อ เยชูวา เบน โยเซฟ
ผมมาจากดินแดนเก่าแก่ที่ชื่อว่าปาเลสไตน์ และมีอาชีพที่ต่ำต้อย
คือเป็นผู้เลี้ยงแกะ เราเริ่มงานแต่เช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
งานของผมคือหาอาหารกับน้ำให้แกะของผม ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ เลย คุณคงรู้ดีว่าในประเทศของผมนั้นผืนดินแห้งแล้ง เราไม่มีทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่อย่างที่ฝูงแกะกับบรรดาปศุสัตว์ของคุณ พวกคุณเพียงแต่ปล่อยสัตว์เหล่านั้นให้ออกไปหาอาหารกินได้อย่างสบาย ส่วนในประเทศของผมนั้น
หญ้าจะหาได้เฉพาะในทางแคบๆ ซึ่งคั่นด้วยแนวหินยาวๆ
ที่เต็มด้วยฝุ่น เว้นแต่ในช่วงฤดูฝน น้ำที่เกิดจากน้ำพุหรือบ่อน้ำธรรมชาติจะแผ่กระจายเป็นหย่อมๆ
ดังนั้นบางครั้งผมจึงต้องนำฝูงแกะของผมเดินไปเป็นระยะทางหลายไมล์ เพื่อจะได้เจอหญ้าในบริเวณเพียงสองสามหลาหรือเพื่อจะดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้เองที่เราต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะต้องใช้เวลาทั้งวันที่จะหาแหล่งน้ำและอาหารให้ฝูงแกะ
ผมรู้จักบริเวณที่ผมเลี้ยงแกะเป็นอย่างดี ผมได้เดินสำรวจบริเวณเหล่านี้ทุกตารางฟุตมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ดังนั้นผมจึงสามารถนำแกะของผมออกเดินหาน้ำหาอาหารกินได้
คุณอาจจะนึกภาพว่าการเลี้ยงแกะนั้นเหมือนกับคนต้อนฝูงสัตว์ในหนังคาวบอย
พวกเขาจะขี่ม้าและต้อนฝูงสัตว์ที่อยู่ข้างหลัง
เพื่อทำให้บรรดาสัตว์เหล่านั้นเดินไปข้างหน้า แต่การเลี้ยงแกะแตกต่างจากนั้น คือผมต้องเดินอยู่ข้างหน้าฝูงแกะและพวกมันก็เดินตามผม ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน พวกมันก็จะตามผมไป และถ้าผมไม่คุ้นเคยหรือไม่รู้จักภูมิประเทศดี หรือพวกแกะถูกทิ้งไว้ตามลำพัง พวกมันก็จะอดตาย ผมจึงต้องเป็นผู้นำมัน
ผมรู้ว่ามีหญ้าอยู่ที่ไหนบ้างเพราะผมไปสำรวจมาก่อนแล้ว เราใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการเดินทางจากทุ่งหญ้าหนึ่งไปยังอีกทุ่งหญ้าหนึ่ง พอถึงเที่ยงวัน แกะก็จะเหนื่อยและหิวน้ำ พวกมันต้องการอาหารและน้ำไม่อย่างนั้นก็ต้องตาย
ตามทางที่ผมพาแกะไปนั้น
ผมรู้จักแหล่งน้ำหลายแหล่ง ตามสถานที่เหล่านี้จะมีร่มเงาและทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มสำหรับให้แกะกินและพักผ่อน ผมให้พวกมันนอนลงเพื่อดื่มน้ำ แกะจะดื่มน้ำจากแอ่งหรือบ่อน้ำนิ่งเท่านั้น โดยธรรมชาติแล้ว พวกมันกลัวบริเวณที่น้ำไหลอย่างรวดเร็ว และความกลัวของมันก็มีเหตุผล เพราะถ้าแกะลื่นตกลงไปในแม่น้ำหรือลำธาร ขนของมันจะอมน้ำจนเปียกโชก และแกะก็ว่ายน้ำไม่เก่งด้วย ดังนั้นน้ำหนักขนที่ชุ่มน้ำ ซึ่งจะทำให้มันจมน้ำตาย นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมแอ่งน้ำจึงต้องสงบหรือไหลช้าๆ
ถ้าผมไม่สามารถหาแหล่งน้ำเช่นนั้นได้ ผมก็ต้องสร้างบ่อน้ำขึ้นมาเองแล้วผันน้ำจากลำธารเข้ามา
แกะของผมจะมีความสุขและมีทุกสิ่งที่พวกมันต้องการตราบใดที่มันเดินตามผม ผมจะนำมันไปตามหนทางเก่าๆ
ที่ผมรู้ดีว่าจะหาอาหารและน้ำให้มันกินได้ พวกมันต้องการการนำทางจากผม
แกะของผมก็ต้องการการปกป้องคุ้มครองด้วยเช่นกัน ผืนดินที่เราออกเดินไปนั้นเต็มไปด้วยอันตราย
สัตว์กินเนื้อจำพวกสิงโตและหมีมักจะไล่ตามฝูงแกะ
บางครั้งก็จะมีฝูงสุนัขป่ามาก่อกวน และพืชบางชนิดที่ดูเหมือนปลอดภัย ก็อาจมีพิษได้ แกะอาจจะเดินสะดุดตกหน้าผาหรือตกลงไปในหุบเขาลึกและตายได้ แต่แกะของผมไม่จำเป็นต้องกลัวอันตรายใดๆ ผมจะเฝ้าระวังพวกมัน
ถ้ามันเริ่มจะออกนอกทาง ผมก็จะมีไม้เท้าของผู้เลี้ยงที่จะกระทุ้งให้มันกลับมา
ถ้าพวกมันตกลงไปในหลุมหรือห้วยลึก ผมก็จะใช้อีกด้านหนึ่งของไม้เท้าหย่อนลงไปแล้วดึงมันขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ผมถือไม้สองอัน อันหนึ่งเป็นไม้เท้า แต่อีกอันหนึ่งเป็นไม้กระบอง ไม้เท้าใช้สำหรับแกะของผม แต่กระบองใช้สำหรับพวกสัตว์ล่าเหยื่อทั้งหลาย ผมจะต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อรักษาชีวิตของพวกมัน
แต่เมื่อคนเลี้ยงแกะกับพวกคนงาน ที่ถูกจ้างมาเลี้ยงแกะที่ผมรู้จัก
ได้เห็นผมต่อสู้กับสัตว์ล่าเนื้อตัวโตสองสามตัวนั้น พวกเขาก็หัวเราะและพูดแหย่ว่า สักวันหนึ่งไอ้พวกสิงโตและหมีตัวใดตัวหนึ่งนั้นจะต้องกินผมเป็นอาหารแน่
นั่นอาจจะจริง แต่ผมก็บอกพวกคุณได้ว่าผมจะไม่วิ่งหนีหรือเพิกเฉยเหมือนกับพวกเขา เพราะนั่นคือความแตกต่างระหว่างผู้เลี้ยงที่ดีและผู้เลี้ยงที่ไม่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีจะสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ ตราบใดที่พวกแกะเดินตามผม ผมก็จะนำพามันและปกป้องคุ้มครองมัน มันเป็นงานที่หนักและลำบาก
และผมก็มักต้องทำให้แน่ใจว่าแกะของผมมีอาหารกิน ผมมักจะตรวจสอบทุ่งหญ้าเหล่านั้นก่อนที่จะปล่อยให้มันไปกิน และถ้ามีพืชที่เป็นพิษในบริเวณนั้น ผมก็จะถอนมันออกทีละต้นจนหมด พอตกเย็นเราก็พากันกลับ ผมจะสำรวจแกะแต่ละตัว
ถ้าผมพบรอยข่วนหรือบาดแผลบนตัวแกะ ผมก็จะทาขี้ผึ้งให้
ผมต้องให้แน่ใจว่าพวกมันมีน้ำกิน ถ้าผมพบว่าแกะตัวใดหิวน้ำ
ผมก็จะทำถังรูปถ้วยใส่น้ำให้มันดื่มเอง
ก่อนเข้านอน
ผมก็มักจะนับแกะในฝูงของผม บางครั้งบางคราวจะมีลูกแกะสักตัวหลงทาง ผมก็จะออกไปตามหาทันทีและนำมันกลับเข้าคอก นานๆ ครั้งที่ลูกแกะของผมสักตัวจะมีนิสัยชอบเตร็ดเตร่ออกนอกเส้นทาง
มีตัวหนึ่ง มันมักจะหายไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน บางครั้งมันก็ออกไปหาหญ้าที่เขียวชอุ่มกว่ากิน
และในเวลาอื่นผมก็พบว่ามันกำลังไล่ตามผีเสื้อ มันไม่เคยตระหนักถึงอันตราย
แต่ผมก็เข้าใจมันดี ดังนั้นผมจึงต้องลงมือทำบางสิ่ง พวกเราผู้เลี้ยงแกะจะพัฒนาวิธีการหนึ่งซึ่งจะป้องกันการชอบเตร่ออกนอกทางของแกะ วิธีการนี้ถูกใช้เป็นวิธีสุดท้าย
นั่นคือเมื่อแกะตัวใดตัวหนึ่งปฏิเสธที่จะอยู่กับฝูง
ครั้งสุดท้ายที่ผมจับได้ว่ามันเตร่ออกนอกทาง ผมจึงใช้วิธีการนี้กับมัน พวกคุณต้องคิดว่าวิธีนี้โหดร้าย แต่มันก็จะรักษาชีวิตแกะของผมได้ ตอนสิ้นสุดวันที่ผมพบว่ามันเถลไถลเตร็ดเตร่ไปยังทางแคบที่สูงชันระหว่างเขานั้น ผมก็ไปนำมันออกมาแล้วแบกมันไว้บนไหล่พากลับคอก มันไม่ดิ้นรนขัดขืน มันเพียงแต่มองผมด้วยสายตายที่เต็มไปด้วยความเชื่อวางใจ ผมจับมันนั่งลงแล้วผมก็จับขาขวาหน้าของมันวางไว้บนไม้เท้าของผม แล้วด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว ผมก็ดึงกระดูกยาวตรงขาข้างนั้นของมันลงมาแล้วหักเสีย มันดิ้นรนเพื่อจะหนีขณะมองผมด้วยดวงตากลมโต
ทันใดนั้นมันก็ล้มลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด มันไม่เข้าใจว่า
ทำไมคนที่หาน้ำหาอาหารให้มันกินและคอยช่วยเหลือมันให้พ้นจากภยันตราย คนที่มันไว้วางใจคนนี้ทำให้มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างที่สุดที่มันเคยประสบ ผมไม่อยากทำอย่างนั้นหรอกแต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อจะรักษาชีวิตของมันไว้
สองสามวันต่อมามันก็ลุกขึ้นได้ ขณะที่ฝูงแกะเคลื่อนย้ายจากทุ่งหญ้าหนึ่งไปอีกทุ่งหญ้าหนึ่งผมก็แบกมันไปตลอดทาง ในช่วงวันเหล่านั้น ผมอยู่ใกล้ชิดมันตลอดเวลามันเจ็บปวดทุกข์ทนเพราะขาหัก
แต่ขณะเดียวกันผมก็อุ้มมันไว้ใกล้หัวใจผม ผมวางมันลงเพื่อให้มันกินหญ้ากินน้ำ มันค่อยๆ กลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่คราวนี้
หุบเขาที่เตี้ยที่สุดก็ดูเหมือนภูเขามหึมาสำหรับมัน และลำธารที่ตื้นเขินที่สุดก็เสมือนแม่น้ำอันกว้างใหญ่ เมื่อใดก็ตามที่มันเผชิญกับอุปสรรค
สิ่งที่มันทำก็คือหยุดเดินและมองมาที่ผม จากนั้นผมก็จะอุ้มมันขึ้นและช่วยมันข้ามพ้นอุปสรรคปัญหาเหล่านั้น มันเรียนรู้ที่จะวางใจและเดินตาม ผมต้องหักขาของมันเพื่อช่วยชีวิตมัน วิธีนี้ใช้ได้ผล ปัจจุบันนี้มันยังคงอยู่กับผม
และก็เป็นแกะที่สัตย์ซื่อที่สุดตัวหนึ่งของผมด้วย
นี่เป็นวันหนึ่งในชีวิตของผู้เลี้ยงแกะ แม้ว่ามันจะไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนัก แต่มันก็เป็นการดำเนินชีวิตแบบหนึ่ง และแม้ว่าอาชีพของผมจะไร้เกียรติ
แต่มันก็ทำให้ผมอัศจรรย์ใจที่ว่า พระเจ้าทรงเปรียบพระองค์เองเหมือนผู้เลี้ยงแกะ และทรงเปรียบประชากรของพระองค์เหมือนแกะ ผมเข้าใจความจริงข้อนี้ นั่นคือ หลังจากที่พระองค์ทรงตอบสนองความต้องการของเราด้วยการจัดหาสิ่งจำเป็นในชีวิตให้เรา ด้วยการทรงนำเราในแต่ละวันและปกป้องคุ้มครองเรา ผมก็เชื่อว่าเราจะพึงพอใจและสงบสุขเหมือนบรรดาแกะของผม ถ้าเพียงแต่เราเรียนรู้ที่จะไว้วางใจและติดตามพระองค์ แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจว่าพระองค์กำลังทรงนำเราไปทางไหน หรือพระองค์กำลังทรงทำอะไรในชีวิตเรา เราก็ต้องไว้วางใจและติดตามพระองค์ไป
แล้วเราก็จะได้รับความพึงพอใจ
การเลี้ยงแกะเป็นงานที่ไม่มีวันจบสิ้นหรอกครับหากยังมีแกะอยู่ในโลก
2 โครินทร์ 12:9-10
“แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า
เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์
ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า ในการประทุษร้ายต่างๆ
ในความยากลำบาก ในการถูกข่มเหง ในความอับจน เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด
ข้าพเจ้าก็แข็งแรงมากเมื่อนั้น”